นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ต้องมีการยืนยันตัวตน KYC สำหรับผู้ที่เคยลงทะเบียนในการเข้าร่วมโครงการต่างๆของรัฐไว้แล้วประมาณ 40 ล้านคน และต้องลงทะเบียนใหม่อีกประมาณ 10 ล้านคน สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนและยืนยัน KYC มาก่อนหน้านี้
ฐานเศรษฐกิจ ไขข้อสงสัยถึงระบบการยืนยันตัวตน KYC ที่มักได้ยินกันอยู่บ่อยๆในช่วงนี้ ว่าแท้ที่จริงแล้วคืออะไร ยุ่งยากหรือไม่ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567
KYC ย่อมาจาก Know Your Customer เป็นกระบวนการที่สถาบันการเงิน หรือผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลใช้ ตรวจสอบตัวตนของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ โดยต้องใช้เอกสารที่ราชการออกให้ ประกอบกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ เช่น ชื่อ-นามสกุลจริง ที่อยู่ วันเกิด ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งกำหนดให้สถาบันการเงินใช้ขั้นตอน KYC เมื่อเปิดบัญชีให้กับลูกค้าหรือผู้ใช้งานทุกคน
1. การพิสูจน์ตัวตน (Identity proofing)
2. การยืนยันตัวตน (Authentication)
3. การทําความรู้จักลูกค้าในเชิงลึก (Client Due Diligence)
4. การทบทวนข้อมูลลูกค้า (Ongoing / Enhanced KYC)
ทั้งนี้ โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะดำเนินการแจก และใช้จ่ายเงินดิจิทัลในระบบบล็อกเชน ผ่านแอปพลิเคชั่นใหม่ที่กำลังพัฒนาขึ้นโดยธนาคารของรัฐ ซึ่งไม่ใช่แอปเป๋าตัง ในเบื้องต้นเรียกแอปนี้ว่า ซุปเปอร์แอป (Super app)