ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ในฐานะประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจปีหน้า(2567)
ธนาคารกรุงเทพคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ไทย จะอยู่ที่ประมาณ 3-4% โดยรวมปัจจัยบวกนโยบาย "ดิจิทัล วอลเล็ต" แล้ว
ต่อข้อถามนโยบายมาตรการ "ดิจิทัล วอลเล็ต นั้น ดร.กอบศักดิ์ กล่าวว่า แนวทางที่รัฐบาลจะออกเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงินมาใช้เกือบ 6แสนล้านบาทนั้นถือว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว เพราะแนวทางการออกร่างพ.ร.บ.ฯ เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำนโยบายอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และตรวจสอบได้ เพราะเบื้องต้นจะกู้จากธนาคาร หรือแหล่งอื่นๆ
ดังนั้น เมื่อมีพ.ร.บ.เงินกู้ฯ ก็จะเป็นการปกป้องรัฐบาลเองด้วย ซึ่งส่วนตัวมองว่าจากวันนี้ยังมีเวลาตัดสินใจกว่าจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างว่าจะเป็นตัวเลขประมาณไหน ซึ่งโครงการดังกล่าวอาจว่าจะก่อหนี้สาธารณะเพิ่มประมาณ 2-3% แต่คงไม่ถึงกับส่งผลกระทบต่อหนี้สาธารณะหรือถูกลดความน่าเชื่อถือด้านเครดิต (เครดิต เรตติ้ง ) ของประเทศไทยแต่อย่างใด
นอกจากนี้อยากให้รัฐบาลทำเรื่อง ฟรี วีซ่า สำหรับอินเดียเพิ่มเพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวและนักลงทุนอินเดีย ขณะที่เศรษฐกิจไทยเติบโต 4--5%ก็ดีแล้ว เพราะปีหน้าเศรษฐกิจกิจไทยยังมีความท้าทาย จึงควร ประคองตัวให้ผ่านไปได้ซึ่งกลางปี2567ไปแล้วจะมีข่าวดีทั้งจากธนาคารกลางต่างประเทศเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง( ธนาคารกลางออสเตรเลีย แคนาดา และรวมถึงเฟดจะทยอยลดดอกเบี้ยช่วงปลายปี)
เหล่านี้จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่ได้รับผลกระทบเชิงบวกสามารถเริ่มขับเคลื่อนได้มากขึ้น
"ปีหน้าไม่ใช่ปีที่เราต้องเอาเป็นเอาตายกับการเติบโตทางเศรษฐกิจมากนัก เนื่องจากมองไปข้างหน้าเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงสูง ทั้งในยุโรป เยอรมัน อังกฤษเศรษฐกิจค่อนข้างแย่และจีนยังมีปัญหา ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง และสงครามยังไม่จบ"
สำหรับอัตราดอกเบี้ยของไทยยังไม่ปรับลดลง ในปีหน้า แม้ว่าดอกเบี้ยโลกจะปรับลด โดยธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มองดอกเบี้ยไทยเหมาะสม
ส่วนทิศทางค่าเงินนั้นอยากให้ดูสกุลเงินดอลลาร์เป็นสำคัญ โดยเงินดอลล่าร์มคแนวโน้มแข็งค่าอีกระยะ ซึ่งต่อไป ความแตกต่างระหว่างดอกเบี้ยสหรัฐ ,ญี่ปุ่น และจีนจะทำให้เกิดการ แครี่เทรด ส่วนการแข็งค่าของเงินดอลล่าร์แม้จะกดดันเงินบาท และค่าเงินเยนให้อ่อนค่า โดยรวมเงินบาทน่าจะมีสเถียรภาพและทรงตัวเมื่อท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมา
นอกจากนี้อยากให้รัฐบาลทำเรื่อง ฟรี วีซ่า สำหรับอินเดียเพิ่มเพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวและนักลงทุนอินเดีย ขณะที่เศรษฐกิจไทยเติบโต 4--5%ก็ดีแล้ว เพราะปีหน้าเศรษฐกิจกิจไทยยังมีความท้าทาย จึงควร ประคองตัวให้ผ่านไปได้ซึ่งกลางปี2567ไปแล้วจะมีข่าวดี
ทั้งจากธนาคารกลางต่างประเทศเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง( ธนาคารกลางออสเตรเลีย แคนาดา และรวมถึงเฟดจะทยอยลดดอกเบี้ยช่วงปลายปี)
เหล่านี้จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่ได้รับผลกระทบเชิงบวกสามารถเริ่มขับเคลื่อนได้มากขึ้น
สำหรับแผนธุรกิจธนาคารกรุงเทพในปีหน้า ดร.กอบศักดิ์กล่าวว่าธนาคารยังคงเน้นในธุรกิจคอร์ปอเรตและธุรกิจต่างประเทศโดยเฉพาะการซื้อธนาคารเพอร์มาตาในอินโดนีเซียและรวม 3สาขาของธนาคารกรุงเทพในอินโดนีเซียทำให้ธนาคารเพอร์มาตาเป็นกำลังหลักในการช่วยเหลือลูกค้า และธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการขยายตัวได้ดีและซื้อกิจการ