ธปท.เผย ปี 2567 ธุรกิจส่วนใหญ่มีแผนลงทุนเพิ่ม แต่แนวโน้มชะลอลง
ธปท.เผยความเชื่อมั่นธุรกิจ ธ.ค. 2566 ส่วนใหญ่มีแผนลงทุนในปี 2567 แต่มีแนวโน้มชะลอลง ขณะที่ผู้ประกอบการค้าปลีก 68% ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังคงสามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ
ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผย ผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจเฉพาะกิจ (BSI Special และผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (Retailer Sentiment Index: RSI) เดือนธันวาคม 2566 พบว่า
ผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจเฉพาะกิจ (BSI Special) เดือนธันวาคม 2566 ธุรกิจส่วนใหญ่ 65% มีแผนลงทุนในปี 2567 อีก 25% ไม่มีแผนลงทุน และ 10% ยังไม่แน่ใจ แต่มีแนวโน้มชะลอลง ทั้งในธุรกิจการผลิต และธุรกิจที่มิใช่การผลิต โดยในภาพรวมธุรกิจเน้นการลงทุนที่ใช้เม็ดเงินไม่มากนัก (Light Investment) เช่น ภาคการผลิตส่วนใหญ่ลงทุนเพื่อซ่อมแซม หรือทดแทนเครื่องจักรเก่า เช่นเดียวกับภาคบริการที่เน้นซ่อมแซม ขณะที่ ธุรกิจการค้าที่มิใช่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเน้นลงทุนในระบบ Software
ค้าปลีกระทม ซมพิษดอกเบี้ย
ขณะที่ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (Retailer Sentiment Index: RSI) เดือนธันวาคม 2566 ซึ่งจัดทำร่วมกับสมาคมผู้ค้าปลีกไทยพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกเดือนธันวาคมปรับเพิ่มขึ้นในทุกองค์ประกอบ จากการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายของร้านค้าในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีซึ่งช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคให้เพิ่มขึ้น
ขณะที่ดัชนีฯ ในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับดีขึ้นเล็กน้อย ส่วนหนึ่งจากมาตรการภาครัฐโครงการ Easy E-Receipt ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในต้นปีหน้า
ทั้งนี้ธุรกิจกว่า 68% ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังคงสามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ 63% แม้ว่าภาระหนี้ที่มีอยู่จะเพิ่มขึ้น มีเพียง 5% ที่ระบุว่าอาจผิดนัดชำระหนี้ ขอปรับโครงสร้างหนี้ และ ขอยืดระยะเวลาชำระหนี้
นอกจากนี้ 45% ของธุรกิจทั้งหมดยังเผชิญอุปสรรคในการเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินมากขึ้น ขณะที่สภาพคล่องธุรกิจในเดือนธ.ค. ทรงตัวใกล้เคียงจากเดือนที่ผ่านมาโดยสัดส่วนของธุรกิจที่มีสภาพคล่องมากกว่า 6 เดือนขึ้นไปยังคงสูงถึง 74%
