MFC เปิดประตูรับ Chartered Group เข้าถือหุ้นใหญ่เสริมแกร่ง

25 ก.ย. 2567 | 05:48 น.
อัพเดตล่าสุด :25 ก.ย. 2567 | 05:48 น.

"ณรงค์ชัย" ยิ้ม Chartered Group เข้าซื้อหุ้น 24.96% เสริมความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น พัฒนาการส่งมอบบริการที่ดียิ่งขึ้นสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้นักลงทุน-ผู้ถือหุ้น ย้ำกระทรวงการคลัง-ธนาคารออมสิน ยังถือหุ้น 15.92% และ 24.94% ตามลำดับ

นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานคณะกรรมการ บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) เปิดเผยว่า Chartered Group (โดย Opus-Chartered Issuances S.A.) ได้เข้าซื้อหุ้น 31,357,850 หุ้น หรือคิดเป็น 24.96% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ จาก บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป (CGH)

ขณะที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่เดิมอีกสองราย ได้แก่ กระทรวงการคลัง และ ธนาคารออมสิน ยังคงถือหุ้น 15.92% และ 24.94% ตามลำดับ

นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานคณะกรรมการ บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC)

"การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นับเป็นโอกาสสำคัญที่บริษัทฯ จะเติบโต และพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยได้รับการสนับสนุนจาก Chartered Group ซึ่งจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการแก่ลูกค้าและนักลงทุนทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง"

ทั้งนี้ Chartered Group เป็น Private Equity ระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุน การบริหารและดำเนินธุรกิจ การเพิ่มศักยภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การเงิน อสังหาริมทรัพย์และไลฟ์สไตล์ รวมถึงเทคโนโลยีขั้นสูง

ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมากกว่า 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.5 แสนล้านบาท) ใน 7 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ เยอรมนี ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อิสราเอล ลักเซมเบิร์ก และสวิตเซอร์แลนด์

ขณะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ เนื่องจากมีประชาชนให้ความสนใจด้านการเงินและการลงทุนมากขึ้น และเปิดกว้างในผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ จึงเป็นเหตุผลให้บริษัทระดับโลกแห่งนี้เข้ามาลงทุน

โดยการเข้าซื้อหุ้นของ Chartered Group จะเป็นการลงทุนระยะยาว และมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนวิสัยทัศน์ของ MFC ร่วมกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทั้งกระทรวงการคลังและธนาคารออมสิน เพื่อมุ่งสู่การเป็นพันธมิตรด้านการลงทุนอันดับหนึ่ง

ผ่านแนวคิดสำคัญ 4 ประการ

  1. การนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงิน บริการการเงิน และพันธมิตรนักลงทุนที่ดีที่สุดสู่ตลาดไทย
  2. การร่วมมือกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่เพื่อสร้างนวัตกรรมทางการเงินที่สร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้แก่สังคม
  3. สร้างเสริมพันธมิตรด้านการบริหารทรัพย์สินส่วนบุคคลในระดับโลก
  4. การส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้แก่นักลงทุนและประชาชนโดยทั่วไปให้เกิดความยั่งยืนในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว

"การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งนี้ถือเป็นนิมิตรหมายและโอกาสอันดีในการสร้างเสริมให้บริษัทมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และจะทำให้บริษัทสามารถพัฒนาการส่งมอบบริการที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าที่ได้มอบความไว้วางใจและให้การสนับสนุนแก่บริษัทฯ มาโดยตลอด ตลอดจนสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้แก่นักลงทุนและผู้ถือหุ้นของบริษัท"