“ฟินมา” (FINMA) หน่วยงานกำกับดูแลภาคการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า หนึ่งในเงื่อนไขสำคัญใน การควบรวมกิจการธนาคารเครดิตสวิส (Credit Suisse)โดย ธนาคารยูบีเอส (UBS) คือ การปรับลดมูลค่าหุ้นกู้มูลค่า 17,000 ล้านดอลลาร์ลงให้เหลือศูนย์ โดย FINMA ระบุว่า พันธบัตรชั้นหนึ่ง หรือ Tier One Bonds ถือเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างเสี่ยง จะต้องถูกลดมูลค่าให้เป็นศูนย์ แต่เงื่อนไขดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาผู้ถือหุ้นกู้ของเครดิตสวิสเป็นอย่างมาก เนื่องจากเงื่อนไขเช่นนี้ทำให้การลงทุนของพวกเขากลายเป็นไร้ค่า หรือ สูญค่า ในทันที
นักกลยุทธ์ด้านเครดิตของโกลด์แมนแซคส์ กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวนี้ แสดงถึงความเสียหายครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นกับนักลงทุน AT1 นับตั้งแต่การเกิดของสินทรัพย์ประเภทดังกล่าวหลังวิกฤตการเงินโลก เพราะภายใต้ข้อตกลงนี้ ผู้ถือ AT1 ของเครดิตสวิส จะสูญเสียเงินทั้งหมด และไม่มีสิทธิในการรับเงินชดเชย ในขณะที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงิน 3,230 ล้านดอลลาร์ภายใต้ข้อตกลงควบกิจการ ทั้งที่ปกติแล้วผู้ถือหุ้นจะถูกจัดให้มีสิทธิประโยชน์ในการรับเงินน้อยกว่าผู้ถือหุ้นกู้ในแง่ของการจ่ายเงินเมื่อบริษัทล้ม
เรื่องนี้ทำให้พันธบัตร AT1 ที่ออกโดยธนาคารในยุโรปอื่น ๆ ลดลงอย่างมากเมื่อวันจันทร์ (20 มี.ค) เนื่องจากการปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นกู้ AT1ของธนาคารเครดิตสวิส ได้เน้นย้ำถึงความเสี่ยงของการลงทุนในตราสารหนี้ประเภทนี้
อย่างไรก็ตาม เอลิซาเบธ รัดแมน หัวหน้าสถาบันการเงินระดับโลกที่ดีบีอาร์เอส มอร์นิงสตาร์ (DBRS Morningstar) มองว่า ความเคลื่อนไหวของ FINMA ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจแต่อย่างใด เพราะ AT1 เป็นสินทรัพย์เสี่ยงที่รองรับความสูญเสียอยู่แล้ว และ FINMA ก็ได้ทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว
ทั้งนี้ พันธบัตร AT1 หรือที่รู้จักในชื่อ CoCo เป็นตราสารหนี้ประเภทหนึ่ง ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของทุนการกำกับดูแลของธนาคาร ผู้ถือสามารถแปลงเป็นทุนหรือจดบันทึกได้ในบางสถานการณ์ เช่น เมื่ออัตราส่วนเงินกองทุนของธนาคารต่ำกว่าเกณฑ์ที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้
พันธบัตร AT1 ถูกสร้างขึ้นหลังวิกฤตการณ์ทางการเงิน เพื่อเป็นวิธีการเปลี่ยนความเสี่ยงจากผู้เสียภาษีในสถานการณ์วิกฤต และเนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงสูง AT1 จึงมักให้ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตรอื่นๆ โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ถือพันธบัตรหรือหุ้นกู้ AT1 มักคาดหวังว่าจะได้รับค่าชดเชยเมื่อพันธบัตรถูกตัดจำหน่าย แม้ว่าจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของมูลค่าเดิมก็ตาม
แต่สำหรับกรณีหุ้นกู้ AT1 ของธนาคารเครดิตสวิส ธนาคารไม่สามารถให้มูลค่าชดเชยใดๆ ในกรณีนี้ได้ เนื่องจากตอนนี้พันธบัตรดังกล่าวไม่มีมูลค่าเหลือแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้น แม้ FINMA จะออกมาชี้แจง แต่ก็สร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาผู้ถือหุ้นกู้ไปแล้ว ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังทำให้หลายฝ่ายหวั่นเกรงว่าอาจจะเป็นชนวนที่ส่งผลกระทบต่อตลาดสินเชื่อทั่วโลก รวมทั้งพันธบัตร AT1 จากสถาบันการเงินรายใหญ่รายอื่นๆ ได้ ซึ่งรัดแมนมองว่า จะส่งผลกระทบต่อมุมมองของนักลงทุนเกี่ยวกับพันธบัตรและจำนวนเงินที่นักลงทุนยินดีจ่ายให้กับ AT1 โดยอธิบายว่า ความเสี่ยงไม่ได้อยู่ที่มูลค่าของ AT1 ที่ลดลงไป แต่ความเสี่ยงจะแนบมากับการกำหนดราคาและวิธีที่นักลงทุนประเมินอัตราผลตอบแทนที่ตนเองต้องการ
ขณะเดียวกัน นักกลยุทธ์ของโกลด์แมนแซคส์ตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินใจของ FINMA เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับการลงทุนใน AT1 โดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้นักลงทุนจำเป็นต้องทบทวนการตัดสินใจต่อการลงทุนใน AT1 โดยรวมทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะแค่ของเดรดิตสวิส โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่นักลงทุนต้องมองหาผลตอบแทนท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเงินที่สูงขึ้นนี้
ทั้งนี้ การปรับลดมูลค่าหุ้นกู้ของเครดิตสวิส เกิดขึ้นหลังจากที่ธนาคารยูบีเอส ธนาคารใหญ่อันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการของเครดิตสวิสมูลค่า 3,200 ล้านดอลลาร์ โดยการซื้อกิจการดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างธนาคารกลางสวิส รัฐบาลสวิส และหน่วยงานกำกับดูแลตลาดการเงินของสวิส (FINMA) โดยธนาคารกลางสวิสให้คำมั่นว่าจะจัดสรรเงินกู้ยืมจำนวนสูงถึง 1 แสนล้านสวิสฟรังก์ (1.08 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อสนับสนุนการซื้อกิจการ ขณะที่รัฐบาลสวิสได้อนุมัติวงเงินค้ำประกัน 9 พันล้านดอลลาร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงให้กับยูบีเอส