เปิด10 หุ้นไทย ยอด NVDR ต่างชาติซื้อ-ขายสูงสุด

24 มิ.ย. 2566 | 22:05 น.

10 หุ้นไทย "ต่างชาติซื้อ-ขายสูงสุด" พบ CRC มียอดซื้อสุทธิสูงสุดกว่า 144 ล้านบาท ส่วน ADVANC ถูกขายมากสุด 176 ล้านบาท ขณะที่รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่างชาติยังเทขายหุ้นไทยต่อเนื่องเฉียด 5 พันล้านบาท

 

ตลาดหุ้นไทย การซื้อขายรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 19 -23 มิ.ย.66 ) มีมูลค่า 202,369 ล้านบาท ลดลง 6.38% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปิดการซื้อขายปลายสัปดาห์ (23 มิ.ย.66) ที่ระดับ 1,505.52 จุด ลดลง 3.45% จากระดับปิดของสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 1,559.39 จุด 

มูลค่าซื้อขายแยกตามกลุ่มนักลงทุน รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนี้

  • ต่างชาติขายสุทธิ 4,913.29 ล้านบาท ยอดซื้อขายสะสมตั้งแต่ต้นปี 66 สถานะขายสุทธิ 108,353.71 ล้านบาท 
  • สถาบันขายสุทธิ 4,529.27 ล้านบาท ยอดซื้อขายสะสมตั้งแต่ต้นปี 66 สถานะซื้อสุทธิ 36,113.63 ล้านบาท  
  • บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,868.67 ล้านบาท ยอดซื้อขายสะสมตั้งแต่ต้นปี 66 สถานะขายสุทธิ 4,079.87  ล้านบาท   
  • รายย่อยซื้อสุทธิ 7,573.89 ล้านบาท ยอดซื้อขายสะสมตั้งแต่ต้นปี 66 สถานะซื้อสุทธิ 76,319.95 ล้านบาท  

ทั้งนี้การซื้อ-ขายหุ้น ผ่านบัญชี “เอ็นวีดีอาร์” (NVDR) ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2566 พบว่า

10 อันดับหุ้น ที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสูงสุด  ได้แก่

  • CRC  มูลค่าซื้อสุทธิ 144 ล้านบาท
  • BEC  มูลค่าซื้อสุทธิ 130 ล้านบาท
  • TRUE มูลค่าซื้อสุทธิ 124 ล้านบาท
  • CPN  มูลค่าซื้อสุทธิ 113 ล้านบาท
  • CHG  มูลค่าซื้อสุทธิ  95 ล้านบาท
  • TTB มูลค่าซื้อสุทธิ 79 ล้านบาท
  • STEC มูลค่าซื้อสุทธิ 69 ล้านบาท
  • BBL มูลค่าซื้อสุทธิ 59 ล้านบาท
  • HANA มูลค่าซื้อสุทธิ 55  ล้านบาท
  • GULF มูลค่าซื้อสุทธิ 54 ล้านบาท

10 อันดับหุ้น ที่นักลงทุนต่างชาติขายสูงสุด  ได้แก่

 

  • ADVANC มูลค่าขายสุทธิ  176 ล้านบาท 
  • CPF มูลค่าขายสุทธิ 153  ล้านบาท
  • SCB มูลค่าขายสุทธิ 148 ล้านบาท
  • BDMS มูลค่าขายสุทธิ 147  ล้านบาท
  • AOT มูลค่าขายสุทธิ 107  ล้านบาท
  • PTT มูลค่าขายสุทธิ 100 ล้านบาท
  • HMPRO มูลค่าขายสุทธิ 99  ล้านบาท
  • TU มูลค่าขายสุทธิ 78 ล้านบาท
  • LH มูลค่าขายสุทธิ 67 ล้านบาท
  • CPALL มูลค่าขายสุทธิ 63  ล้านบาท

นายกวี ชูกิจเกษม Head of Research and Content บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงถูกนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหนักที่สุดในภูมิภาคนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ รวมถึง ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวหลังจาก ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ออกมาแถลงว่า อาจจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยหนึ่งถึงสองครั้งภายในปีนี้

สำหรับกลยุทธ์ในสัปดาห์นี้เรายังคงระมัดระวังการลงทุน เพราะปัจจัยลบเรื่องปัญหาการเมืองในประเทศและทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะยังไม่มีความชัดเจนจนกว่าจะถึงปลายเดือนก.ค. ดังนั้นการคาดหวังให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยยังคงเป็นไปได้ยาก แม้ว่าแรงขายอาจจะเริ่มลดลงบ้างก็ตาม