น.ส. รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ Nation Online ว่า การเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาคในช่วง 1 ก.ค.-27 ก.ค. พบว่า เงินบาทไทยแข็งค่ามากสุด 4.02% รองลงมาเป็นวอน-เกาหลีใต้ 3.28% ,ริงกิต-มาเลเซีย 3.09%
,ดอลลาร์-สิงค โปร์ 2.17% ,หยวน-จีน 1.68% ,เปโซ-ฟิลิปปินส์ 1.26% ,รูปี-อินเดีย 0.05% ยกเว้นดอง-เวียดนามอ่อน 0.35% ดอลลาร์-ไต้หวัน 0.22% และรูเปียห์-อินโดนีเซียอ่อน 0.01%
ส่วนสาเหตุที่เงินบาทแข็งเกิดจาก
ขณะที่ค่าเงินบาทสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 33.80-34.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยต่างประเทศติดตามตัวเลข ISM ภาคการผลิตและบริการ รวมถึงการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ค. ของสหรัฐฯ
ขณะที่ในประเทศเกาะติดการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือกนง. คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.25% จากสัญญาณที่ต้องการสร้างขีดความสามารถในการทำนโยบาย (policy space) สำหรับอนาคต
ส่วนเฟด มองว่ามีโอกาสสูงที่เฟดจบวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว แต่จะตรึงไว้ถึงราวกลางปีหน้า โดยหากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯดีกว่าคาด ดอลลาร์จะแข็งค่าจะส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ เพราะตลาดจะทบทวนคาดการณ์เรื่องดอกเบี้ยใหม่
ด้านการจัดตั้งรัฐบาลหากเป็นรัฐบาลเพื่อไทย ค่อนข้างได้รับการยอมรับจากตลาด เพราะนโยบายเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ตลาดรอดูความชัดเจน และอยากเห็นการเมืองนิ่ง