(11 ต.ค. 66) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ กล่าวในงาน "Monetary Policy Forum" ว่า การดำเนินนโยบายการเงินได้ถอนคันเร่ง ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยอัตราดอกเบี้ยระยะปานกลางคาด 2 ปีข้างหน้า ดอกเบี้ยไทยอยู่ระดับใกล้สมดุลหรือ อยู่ระดับไม่เกินจุดสมดุล
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับเพิ่มดอกเบี้ยเฉลี่ย 2% นับว่าต่ำกว่าต่างประเทศปรับที่เพิ่ม 4% ซึ่งถือว่าสูงกว่าไทยอย่างมาก
พร้อมยืนยันว่าการดำเนินนโยบายการเงินไม่ได้เป็นตัวฉุดให้เศรษฐกิจต่ำลง ส่วนการส่งผ่านดอกเบี้ยนโยบายนั้น ทางคณะกรรมการ กนง. จะติดตามใกล้ชิด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาดอกเบี้ยนโยบายกว่า 60% ถูกส่งผ่านไปธนาคารพาณิชย์ และธนาคารได้แบ่งธุรกิจขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก ในการปรับดอกเบี้ย
ส่วนเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในปี 67 แม้ทาง ธปท. ยังไม่นำโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท มาเป็นฐานคำนวณจีดีพี เพราะยังมีความไม่ชัดเจน แต่หากรัฐบาลเดินหน้าผลักดันโครงการอาจทำให้ จีดีพี ในปี 67 ขยายตัวมากกว่า 4%
สำหรับตัวทวีคูณจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะสร้างเงินหมุนเวียนในระบบ เมื่ออัดเงินสู่ระบบ 5.6 แสนล้านบาท มองว่าตัวทวีคูณสร้างการหมุนเวียน 0.3-0.6% ยกตัวอย่าง หากใส่เงินเข้าระบบ 100 บาท จะมีเงินหมุนเวียนเพิ่ม 30-60 บาท
รวมทั้งหากไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้อยู่แล้ว รวมถึงการทำนโยบายการเงินต้องเอื้อเศรษฐกิจขยายตัวอย่างยั่งยืน
ด้านนายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธปท. กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท มองว่าจากมาตรการดังกล่าวจะมีผลต่อเศรษฐกิจในแง่การบริโภคภาคเอกชนมากกว่า เห็นได้จากตัวเลขประมาณการการบริโภคภาคเอกชนในปี 67 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.6% จาก 2.9%
ขณะที่เศรษฐกิจไทยปีนี้ปี 67 มีทิศทางฟื้นตัว 4.4% จากปีนี้คาดจะขยายตัว 2.8% โดยในปี 67 เศรษฐกิจมีเครื่องยนต์เศรษฐกิจมาพร้อมกันหลายตัว บริโภคเอกชนโต 4.6% ด้านการลงทุนคาดปี 67 จะมีโครงการใหญ่ โครงสร้างพื้นฐาน ทำให้เอกชนลงทุนเพิ่มเติม และการส่งออกกลับมาเป็นบวก 4.2% ในปี 67
แม้ปีนี้การส่งออกติดลบ 1.7% โดยเศรษฐกิจปีนี้จะโตได้จากอุปสงค์ในประเทศที่โตดีมากกว่าค่าเฉลี่ย 2 เท่า โดยอุปสงค์ในประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก และดูการขึ้นดอกเบี้ยที่ผ่านมาเป็นไปตามที่คาด
พร้อมเชื่อว่าอุปสงค์ในประเทศยังฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่อง จากภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว แม้จะต่ำกว่าคาดเดิม เพราะจีนมาน้อยกว่าคาด ปี 67 ลดลงอีก 5 แสนคน เหลือ 35 ล้านคน แม้มีนักท่องเที่ยวชาติอื่นเข้ามาแต่ไม่ทดแทนจีน