ไทยพาณิชย์-TTB ลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% ช่วยกลุ่มเปราะบาง นาน 6 เดือน

01 พ.ค. 2567 | 12:33 น.
อัพเดตล่าสุด :01 พ.ค. 2567 | 13:04 น.

ไทยพาณิชย์ (SCB) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR และ MLR ลง 0.25% เช่นเดียวกับธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ลดดอกเบี้ยเงินกู้ MRR, MLR ,MOR ลง 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. – 15 พ.ย. 67

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB กล่าวว่า “ตามที่สมาคมธนาคารไทย (TBA) ตระหนักและเห็นถึงความจำเป็นในการออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ในระหว่างที่เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และไม่ทั่วถึง ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ย และมีโอกาสฟื้นตัว ปรับตัว ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐและสอดคล้องกับมาตรการแก้หนี้อย่างยั่งยืนและการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย

 

กฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB
 

ทั้งนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ มีความมุ่งมั่นที่จะบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าและพร้อมสนับสนุนมาตราการของภาครัฐ ด้วยการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สำหรับเงินกู้ (Loan) ที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัว MRR และ MLR สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ลูกค้าบุคคล สินเชื่อบ้าน และ My Home My Cash ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 2 ล้านบาท ลูกค้าผู้ประกอบการ SME รายย่อย สินเชื่อธุรกิจ ประเภทเงินกู้ระยะยาว (Term Loan) ที่มีวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท (โดยพิจารณาจากยอดค้างชำระเงินกู้ระยะยาว และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน) ลูกค้าต้องมียอดสินเชื่อเงินกู้กับธนาคาร ณ 31 มีนาคม 2567 และเป็นบัญชีสถานะ ปกติ (ไม่มีการค้างชำระ) โดยจะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย สำหรับสินเชื่อเงินกู้ระยะยาว เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – 15 พฤศจิกายน 2567

จากมาตรการดังกล่าว ธนาคารสามารถช่วยลดภาระทางการเงินให้กับลูกค้าได้มากกว่า 240,000 บัญชี คิดเป็นยอดสินเชื่อรวมประมาณ 110,000 ล้านบาท ธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้ลูกค้ากลุ่มเปราะบางทั้ง 2 กลุ่มอัตโนมัติ โดยลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียน หรือติดต่อธนาคารแต่อย่างใด”

ธนาคารไทยพาณิชย์ ตระหนักว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้  เป็นอีกหนึ่งมาตรการเพิ่มเติมจากมาตรการอื่นๆ ที่ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือและลดภาระให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

ลูกค้าที่ประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือหรือคำปรึกษาเพิ่มเติม สามารถติดต่อธนาคารฯ ได้ในช่องทางที่ลูกค้าติดต่ออยู่ หรือ สามารถสอบถามได้ที่ศูนย์บริการลูกค้า SCB Call Center 02-777-7777

 

ด้านธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ทีทีบี ตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวช้าและไม่ทั่วถึง ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งธนาคารเองไม่ได้นิ่งนอนใจและมีมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารมาโดยตลอด นอกเหนือจากมาตรการรวบหนี้และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อบุคคลที่เข้าข่ายเป็นหนี้เรื้อรัง (Persistent Debt) ตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย และเพื่อเป็นการบรรเทาภาระหนี้ของลูกค้ากลุ่มเปราะบางเพิ่มเติม ธนาคารจึงได้พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี สำหรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย MRR, MLR และ MOR โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2567 - 15 พ.ย. 2567 เป็นระยะเวลา 6 เดือน

 

ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB)

โดยลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่จะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้แก่

  • 1. ลูกค้าสินเชื่อบ้าน ที่มีรายได้รวมเฉลี่ยต่อเดือน ไม่เกิน 30,000 บาท และมีวงเงินอนุมัติไม่เกิน 2 ล้านบาท
  • 2. ลูกค้าสินเชื่อเอสเอ็มอี ที่มีรายได้ในปี พ.ศ. 2565 ไม่เกิน 30 ล้านบาท และมีวงเงินอนุมัติไม่เกิน 5 ล้านบาท

โดยมาตรการช่วยเหลือดังกล่าว จะไม่ครอบคลุมลูกค้าสินเชื่อบ้านและสินเชื่อเอสเอ็มอีที่ได้เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือเฉพาะรายกับธนาคารมาก่อนหน้า ซึ่งธนาคารเชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลง จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและลดภาระทางการเงินให้กับกลุ่มเปราะบางข้างต้นได้ ทั้งนี้ ธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้อัตโนมัติโดยลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียน และธนาคารจะดำเนินการส่ง SMS แจ้งกลุ่มลูกค้าที่ได้รับความช่วยเหลือรับทราบ

นอกจากนี้ ธนาคารยังคงเดินหน้าสนับสนุนลูกค้าสินเชื่อที่มีภาระหนี้หลายก้อนให้ทำการรวบหนี้ ผ่าน"บริการรวบหนี้เป็นก้อนเดียว" (ttb debt consolidation) ที่จะช่วยลูกค้าลดภาระดอกเบี้ย ลดค่างวดต่อเดือนให้ต่ำลง และเสริมสภาพคล่องทางการเงินไปพร้อมกัน สอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่กำลังเผชิญกับปัญหาหนี้ในปัจจุบัน