ขณะที่รัฐบาลเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เดินหน้าปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ปรับลดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ครั้งแรกในรอบ 4 ปีในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา และปรับเป้าหมายเงินเฟ้อให้สูงขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซา
ล่าสุด นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ส่งสัญญาณว่า ธปท.จะไม่เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หลังจากปรับลดในสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้ปกป้องเป้าหมายเงินเฟ้อในปัจจุบัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กล่าวเมื่อวันอังคาร (22 ต.ค.) ที่กรุงวอชิงตัน เพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก
นายเศรษฐพุฒิกล่าวว่า เนื่องจากเราเพิ่งปรับเปลี่ยน ผมคิดว่า บรรทัดฐานสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกนั้นจะต้องค่อนข้างสูง ซึ่ง การขยายตัวของสินเชื่อที่ชะลอตัวเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ธปท.ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี
“การดำเนินการในอนาคตจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มของเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางการเงิน”
นายเศรษฐพุฒิกล่าวว่า กรอบเงินเฟ้อในปัจจุบันยังรองรับเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ซึ่งช่วยให้การคาดการณ์ด้านเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่มั่นคงและทำให้ธปท.สามารถดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในระดับปานกลาง ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่า
"ถ้าคุณปรับเป้าหมายให้สูงขึ้น มันจะทำให้การคาดการณ์เพิ่มขึ้น และส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้น รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรด้วย"
นอกจากนี้ นายเศรษฐพุฒิยังได้ย้ำว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดเป็นเพียงการ "ปรับเปลี่ยน" และเขาไม่คิดว่า เป็นจุดเริ่มต้นของวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ต่อเนื่อง