ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ( 8 ธ.ค. ) ให้น้ำหนักปัจจัยในการขับเคลื่อนอยู่ในช่วงนี้คือ กรณีการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหุ้น โดยคาดว่าจะเริ่มเก็บใน 2Q66 ด้วยอัตรา 0.055% และเพิ่มเป็น 0.11% ในปี 2567 มองว่าน่าจะเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้น ทั้งในมุมของปริมาณการซื้อขายที่น่าจะลดลงเนื่องจากต้นทุนการทำรายการซื้อขายสูงขึ้น
ทั้งนี้ ส่วนที่ต้องให้ความสนใจคือกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันพบว่ามี Turnover สูงกว่ากลุ่มนักลงทุนในประเทศ และหาก Turnoverลดลง ก็จะมีผลกระทบต่อการขับเคลื่อน SET Index ในอีกทางหนึ่งด้วย
สำหรับปัจจัยจากภายนอกดูไม่มีเรื่องที่จะมีน้ำหนักในการขับเคลื่อน SET Index แต่ความสนใจน่าจะไปอยู่ที่ผลพวงจากการที่ รัฐบาลตัดสินใจเก็บภาษีจากการขายหุ้นคาด SET Index อยู่ในกรอบ 1610 – 1630 จุด Top Pick เลือก AP, CBG และ TISCO
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ดาวน์ คล้ายตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย จากนักลงทุนกังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย เห็นได้จากส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี และ 10 ปี ติดลบมากขึ้น สะท้อนความกังวลในเรื่องดังกล่าว ประกอบกับยังกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังออกมาดี
อีกทั้งราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปีนี้ติดลบไปแล้ว เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อคืน (7 ธ.ค.)อยู่ที่ระดับ 72 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งจะกระทบกับหุ้นกลุ่มพลังงานอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ วันนี้นักลงทุนรายย่อย นัดรวมตัวหยุดเทรด หรือหยุดซื้อขายหุ้น 1 วัน เพื่อคัดค้านมาตรการจัดเก็บภาษีการขายหุ้น 0.1% ของกระทรวงการคลัง มองว่าจะกระทบกับมูลค่าซื้อขายได้ เนื่องจากการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยคิดเป็นสัดส่วนราว 40% ของมูลค่าการซื้อขายรวม อย่างไรก็ตาม แนะการลงทุนวันนี้ใช้กลยุทธ์ตั้งรับ ให้แนวรับ 1,610 จุด และแนวต้าน 1,630 จุด
บล.กรุงศรี ประเมินดัชนี SET แกว่งตัว 1,615 - 1,630 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ ประกอบกับยังคงถูกแรงกดดันความกังวลเศรษฐกิจถดถอยจาก FED ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อหลังตัวเลขภาคบริการและการจ้างงานสหรัฐยังแข็งแกร่ง