JTS ปี65 อ่วมขาดทุน 150 ล้าน ต้นทุนเหมืองขุดบิตคอยน์พุ่ง เล็งย้ายฐาน

22 ก.พ. 2566 | 02:19 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.พ. 2566 | 02:32 น.

จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS ) เผยปี 65 ขาดทุนสุทธิ 105.65 ล้าน เทียบปี 64 ขาดทุนพุ่ง 147% เหตุต้นทุนเหมืองขุดบิตคอยน์พุ่ง-ราคาเหรียญทรุด เล็งทางเลือกย้ายฐานขุดบิตคอยน์ไปต่างประเทศ

 

นาย ดุสิต ศรีสง่าโอฬาร กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ JTS เปิดเผย ผลการดำเนินงานปี 2565 ขาดทุนสุทธิจำนวน 105.65 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่ม 326.69 ล้านบาท หรือขาดทุนเพิ่ม 147.80% จากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 221.04 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมปี 2565 จำนวน 2,303.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 425.86 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น  22.68% เทียบกับปี 2564

JTS ปี65 อ่วมขาดทุน 150 ล้าน ต้นทุนเหมืองขุดบิตคอยน์พุ่ง เล็งย้ายฐาน
 

ขณะที่ ไตรมาส4 ปี 2565 บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนสุทธิ 241.17 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 311.76 ล้านบาท หรือ - 441.65% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ( Q4/64 )และขาดทุนเพิ่มขึ้น 245.76 ล้านบาท คิดเป็น  -5,354.25% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/65

JTS ปี65 อ่วมขาดทุน 150 ล้าน ต้นทุนเหมืองขุดบิตคอยน์พุ่ง เล็งย้ายฐาน

ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทมีต้นทุนขายและบริการ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ และค่าใช้จ่ายในการบริหาร จำนวน 2,357.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 793.10 ล้านบาท คิดเป็น 50.71% เมื่อเทียบกับปี 2564 ประกอบด้วย

 

  • ต้นทุนขายและบริการ จำนวน 1,517.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.68 ล้านบาท คิดเป็น 8.95% เนื่องจากต้นทุนขายและบริการที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจออกแบบและวางระบบสื่อสารและโทรคมนาคม จำนวน 85.85 ล้านบาท ธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม จำนวน 34.77 ล้านบาท และธุรกิจจัดหาออกแบบและวางระบบคอมพิวเตอร์ จำนวน 4.06 ล้านบาท
  • ต้นทุนเหมืองขุดบิตคอยน์ จำนวน 632.88 ล้านบาท ประกอบด้วย ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการขุดบิตคอยน์ จำนวน 271.26 ล้านบาท คิดเป็น 42.86% และขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นเกิดขึ้นจากการด้อยค่าของอาคารและอุปกรณ์ และเงินจ่ายล่วงหน้าค่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินการธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ จำนวน 361.62 ล้านบาท คิดเป็น 57.14%
  • ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการขุดบิตคอยน์ที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากจำนวนเครื่องขุดบิตคอยน์ที่เพิ่มขึ้นจาก 325 เครื่องเป็น 2,641 เครื่อง
     

โดยขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นเกิดขึ้นดังกล่าว  เนื่องจากราคาเหรียญบิตคอยน์มีมูลค่าลดลงอย่างเป็นสาระสำคัญ จากมูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาทต่อเหรียญบิตคอยน์ (USD 46,306.45) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 เป็นมูลค่า 0.569 ล้านบาทต่อเหรียญบิตคอยน์ (USD16,547.50) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ดังนั้น ทางบริษัทฯ จึงต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินการธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ ตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 36 เรื่องการด้อยค่าของสินทรัพย์

หยุดเหมืองขุดบิตคอยน์ชั่วคราวเริ่ม ม.ค.66  
           
สำหรับ เป้าหมายและแผนธุรกิจในปี 2566 ผลกระทบและการแพร่ระบาดของ Covid-19 ได้ลดลง และทางบริษัทเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยจะมีการขยายตัวและมีการลงทุนที่เพิ่มขึ้น โดยมุ่งเน้นในธุรกิจออกแบบและวางระบบสื่อสารและโทรคมนาคม ธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม และธุรกิจจัดหา ออกแบบและวางระบบคอมพิวเตอร์ โดยเน้นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เป็นนิติบุคคลขนาดใหญ่ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider) อีกทั้งให้ความสำคัญกับธุรกิจทางด้านพลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาดตามเทรนด์รักษ์โลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเป็นทั้งตัวแทนจำหน่ายและผู้ให้บริการแบบครบวงจรสำหรับโซลาร์เซลล์

โดยบริษัทฯ ยังคงติดตามสภาวการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์อย่างรอบคอบและระมัดระวัง โดยเฉพาะต้นทุนค่าไฟฟ้าที่มีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้ดำเนินการหยุดดำเนินธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์เป็นการชั่วคราวตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 และพิจารณาทางเลือกในการย้ายฐานการขุดบิตคอยน์ไปยังต่างประเทศที่มีศักยภาพ

ทั้งในด้านทรัพยากรต่างๆ และการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ต่ำ และจะต้องสามารถบริหารจัดการเครื่องขุดได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่มีความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยของการเข้าถึงเครื่องขุดบิตคอยน์ เพื่อให้ธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ของบริษัทสามารถแข่งขันในระดับสากล เพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย