นาย ดุสิต ศรีสง่าโอฬาร กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ JTS เปิดเผย ผลการดำเนินงานปี 2565 ขาดทุนสุทธิจำนวน 105.65 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่ม 326.69 ล้านบาท หรือขาดทุนเพิ่ม 147.80% จากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 221.04 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมปี 2565 จำนวน 2,303.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 425.86 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 22.68% เทียบกับปี 2564
ขณะที่ ไตรมาส4 ปี 2565 บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนสุทธิ 241.17 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 311.76 ล้านบาท หรือ - 441.65% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ( Q4/64 )และขาดทุนเพิ่มขึ้น 245.76 ล้านบาท คิดเป็น -5,354.25% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/65
ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทมีต้นทุนขายและบริการ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ และค่าใช้จ่ายในการบริหาร จำนวน 2,357.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 793.10 ล้านบาท คิดเป็น 50.71% เมื่อเทียบกับปี 2564 ประกอบด้วย
โดยขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นเกิดขึ้นดังกล่าว เนื่องจากราคาเหรียญบิตคอยน์มีมูลค่าลดลงอย่างเป็นสาระสำคัญ จากมูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาทต่อเหรียญบิตคอยน์ (USD 46,306.45) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 เป็นมูลค่า 0.569 ล้านบาทต่อเหรียญบิตคอยน์ (USD16,547.50) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ดังนั้น ทางบริษัทฯ จึงต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินการธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ ตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 36 เรื่องการด้อยค่าของสินทรัพย์
หยุดเหมืองขุดบิตคอยน์ชั่วคราวเริ่ม ม.ค.66
สำหรับ เป้าหมายและแผนธุรกิจในปี 2566 ผลกระทบและการแพร่ระบาดของ Covid-19 ได้ลดลง และทางบริษัทเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยจะมีการขยายตัวและมีการลงทุนที่เพิ่มขึ้น โดยมุ่งเน้นในธุรกิจออกแบบและวางระบบสื่อสารและโทรคมนาคม ธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม และธุรกิจจัดหา ออกแบบและวางระบบคอมพิวเตอร์ โดยเน้นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เป็นนิติบุคคลขนาดใหญ่ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider) อีกทั้งให้ความสำคัญกับธุรกิจทางด้านพลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาดตามเทรนด์รักษ์โลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเป็นทั้งตัวแทนจำหน่ายและผู้ให้บริการแบบครบวงจรสำหรับโซลาร์เซลล์
โดยบริษัทฯ ยังคงติดตามสภาวการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์อย่างรอบคอบและระมัดระวัง โดยเฉพาะต้นทุนค่าไฟฟ้าที่มีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้ดำเนินการหยุดดำเนินธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์เป็นการชั่วคราวตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 และพิจารณาทางเลือกในการย้ายฐานการขุดบิตคอยน์ไปยังต่างประเทศที่มีศักยภาพ
ทั้งในด้านทรัพยากรต่างๆ และการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ต่ำ และจะต้องสามารถบริหารจัดการเครื่องขุดได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่มีความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยของการเข้าถึงเครื่องขุดบิตคอยน์ เพื่อให้ธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ของบริษัทสามารถแข่งขันในระดับสากล เพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย