บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ก.พ. 66) ว่า คาดการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 พ.ค.2566 หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมากล่าวว่า จะยุบสภาในช่วงต้นเดือน มี.ค.นี้ ก่อนครบวาระของรัฐบาลในวันที่ 23 มี.ค.2566 และคาดจะมีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 7 พ.ค.2566 มองว่าเป็นเหตุการณ์ที่ปกติ เพราะระยะเวลาการยุบสภาเกิดขึ้นใกล้กับระยะเวลาที่รัฐบาลจะครบวาระ
ดังนั้นจึงเห็น downside ที่จำกัดต่อ SET Index ในเวลานี้ มีผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 5.4% ในช่วง 3 เดือนก่อนเลือกตั้งกลุ่มที่ได้ประโยชน์หลักคือกลุ่มการเงิน, ICT, สื่อ และพาณิชย์
หุ้นเด่นในธีมเลือกตั้ง
อิงจาก : ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง, มีโมเมนตัมกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2566, Upside ต่อราคาเป้าหมายมากกว่า 5%
ทั้งนี้ ในอดีต SET Index เคยปรับลดลง 1.5% ถึง 11 ในช่วง 1 เดือน หลังยุบสภาพจากอำนาจที่จำกัดของรัฐบาลรักษาการ และความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับรัฐบาลชุดใหม่ และนโยบายในการบริหารประเทศ
อย่างไรก็ตามคาดว่ารัฐบาลชุดใหม่ที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างพรรคการเมืองแค่ 2-3 พรรคจะเป็นรัฐบาลที่แข็งแกร่ง และจะส่งผลบวกต่อตลาด
ในทางตรงข้ามรัฐบาลที่อ่อนแอที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างพรรคการเมืองมากกว่า 3 พรรคขึ้นไปจะส่งผลกระทบกลาง ๆ ต่อตลาด เพราะมีลักษณะคล้ายกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน การประท้วงผลการเลือกตั้งคาดจะเป็นกรณีเลวร้ายที่สุดและจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อตลาด
รัฐบาลชุดใหม่ที่เน้นไปยังการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้ง นักลงทุนควรจับตามองการหาเสียงของแต่ละพรรคเพราะคาดจะเป็นนโยบายในการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดต่อไป
จากการสำรวจที่ผ่านมาพบว่าพรรคการเมืองส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปยังการเพิ่มรายได้ให้กับ กลุ่มรากหญ้า อาทิ การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ นโยบายประกันรายได้ นโยบายพักชำระหนี้ เป็นต้น ซึ่งคาดจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในประเทศและนักลงทุน
บล.เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า การเก็งกำไรบนกระแสข่าวเรื่องการ ยุบสภาฯ - เลือกตั้ง ทำให้ตลาดหุ้นวานนี้ดีดตัวขึ้นแรง แต่มองว่ากระแสการเก็งกำไรในเรื่องดังกล่าว น่าจะเกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมทางการเมืองในรอบนี้แตกต่าง จากช่วงที่ผ่านมา
เนื่องจากการยุบสภาฯ ส่วนใหญ่ในรอบที่ผ่านมามักจะเกิดจากแรงกดดันที่อาจไปถึงความรุนแรง ทำให้การยุบสภาฯถูกมองว่าเป็นทางออก แต่ในรอบนี้ไม่เห็นสภาวะดังกล่าว แต่กลับเกิดความไม่แน่ใจว่าสถานการณ์การเมือง หลังการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร
ขณะที่การดีดตัวของตลาดหุ้นไทย ส่วนหนึ่งเกิดจากการกลับมาเก็งกำไรของนักลงทุน สอดคล้องกับผลการศึกษาผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยช่วง ก่อนและหลัง วันเลือกตั้งที่ดีที่สุดในปี 2544 – 2562 พบว่า ดัชนีหุ้นไทยมักให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วง 3 เดือนก่อนการเลือกตั้งเฉลี่ย 3.90%
ทั้งนี้กลุ่มหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากช่วงก่อนเลือกตั้ง คือ กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์
หุ้นที่มักปรับตัวขึ้นได้แรง ช่วงก่อนเลือกตั้ง
PLANB, STPI, THCOM, BBL, SC, TKS, SIRI, CENTEL, AP, ADVANC, NWR, MINT, MAKRO, STEC, SCC, INTUCH, BEC, CPALL, AMATA