"บจ.ไทย"ปี64 มีรายได้จากตปท.สูงเป็นประวัติการณ์ 4.38 ล้านล้านบาท

22 ก.พ. 2566 | 22:05 น.

ตลท.เผยปี 2564 แม้บจ.ไทย จะเผชิญสถานการณ์โควิด แต่ยังขยายการลงทุน โดยมีมูลค่าลงทุนทางตรงในตปท.สุทธิ 1.1 แสนล้านบาท โดยเฉพาะในอาเซียน และมีรายได้จากตปท. 4.38 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เผยแพร่ SET Note เรื่อง "แนวโน้มการลงทุนของบริษัทจดทะเบียนไทยในช่วง COVID-19  และการเติบโตของรายได้จากต่างประเทศในปี 64" โดยระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ จากฐานข้อมูลการลงทุนต่างประเทศและรายได้จากต่างประเทศของบริษัท จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยรวม 776 บริษัท พบข้อมูลน่าสนใจ ดังนี้

 

\"บจ.ไทย\"ปี64 มีรายได้จากตปท.สูงเป็นประวัติการณ์ 4.38 ล้านล้านบาท

 

ในภาพรวมปี 2564 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน SET และ mai (บริษัทจดทะเบียนฯ) มีการลงทุนในต่างประเทศ 278 บริษัท จากบริษัทจดทะเบียนฯ ทั้งหมด 776 บริษัท หรือ 36% ของจำนวนบริษัทจดทะเบียนฯ

  • ในปี 2564 บริษัทจดทะเบียนฯ ยังมีการขยายการลงทุนทางตรงในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยมีมูลค่าการลงทุนทางตรงในต่างประเทศสุทธิรวม 1.1 แสนล้านบาท แม้ว่าบริษัทต้องเผชิญสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 และการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจก็ตาม
  • อาเซียน เป็นภูมิภาคเป้าหมายที่บริษัทจดทะเบียนฯ เข้าไปลงทุนทางตรงมากที่สุด โดยมีจำนวน 217 บริษัท โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLMV และประเทศเวียดนามยังคงครองอันดับหนึ่งที่สามารถดึงดูดบริษัทจดทะเบียนฯ ไปลงทุนมากที่สุด
     
  • เมื่อพิจารณารายได้จากต่างประเทศในปี 2564 พบว่า บริษัทจดทะเบียนฯ มีรายได้จากต่างประเทศเป็นมูลค่าสูงที่สุดในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้รวมสูงถึง 4.38 ล้านล้านบาท ( คิดเป็น 32% ของรายได้รวมทั้งหมดของบริษัทจดทะเบียนฯ) เพิ่มขึ้น 63.43% จากปี 2560 ที่มีรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 2.68 ล้านล้านบาท ทั้งนี้รายได้ที่เพิ่มเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจเดิมในต่างประเทศ และการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการส่งออก
  • สำหรับ 3 อันดับกลุ่มอุตสาหกรรม ที่มีรายได้จากต่างประเทศสูงสุด ได้แก่ กลุ่มทรัพยากร กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม
  •  โดยกลุ่มทรัพยากร เป็นกลุ่มที่มีรายได้จากต่างประเทศสูงสุดในปี 2564 คิดเป็นมูลค่ากว่า 8.73 แสนล้านบาท และเป็นกลุ่มที่มีรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นมากที่สุด เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันโลกและราคาขายน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยประเทศเป้าหมายในการลงทุนของกลุ่มทรัพยากร ได้แก่ ประเทศในภูมิภาคเอเชียเหนือ