ต่างชาติกระหน่ำขาย เช็ค10 หุ้นถูกขายสูงสุด"CPALL"นำโด่ง งบแย่

25 ก.พ. 2566 | 22:05 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.พ. 2566 | 04:17 น.

ต่างชาติกระหน่ำขายหุ้นไทยสุทธิ 1.95 หมื่นล้านบาท เปิด 10 อันดับหุ้น ยอดขายสูงสุด CPALL นำโด่งกว่า 1,195 ล้านบาท ผิดหวังผลประกอบการ โบรกหั่นกำไร -ราคาเป้าหมาย ขณะที่ SCB ต่างชาติซื้อมากสุด 396 ล้านบาท

 

ตลาดหุ้นไทย การซื้อขายรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (20- 24 ก.พ.66) มีมูลค่ารวม 297,972.73 ล้านบาท หรือเฉลี่ยวันละ 59,594.55 ล้านบาท ลดลง 16.03% จากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนีตลาดหุ้นไทย ( SET Index ) ปิดการซื้อขายปลายสัปดาห์ (24 ก.พ.66) ที่ระดับ 1,634.02 จุด ลดลง 1.07% จากระดับปิดของสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 1,651.67 จุด

มูลค่าซื้อขายแยกตามกลุ่มนักลงทุน รอบ 1 สัปดาห์

  • ต่างชาติขายสุทธิ 19,530.88 ล้านบาท 
  • สถาบันซื้อสุทธิ 8,085.12 ล้านบาท 
  • บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 70.91 ล้านบาท  
  • รายย่อยซื้อสุทธิ 11,374.85  ล้านบาท

 

ทั้งนี้การซื้อ-ขายของบัญชี “เอ็นวีดีอาร์” (NVDR) ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนชาวต่างประเทศในการซื้อขายหุ้นไทย ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่  24 ก.พ. 2566 พบว่า

 

10 อันดับหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติขายสูงสุด 

  • CPALL มูลค่าขายสุทธิ 1,195.14 ล้านบาท
  • DELTA มูลค่าขายสุทธิ 442.61 ล้านบาท
  • GULF มูลค่าขายสุทธิ 311.22  ล้านบาท
  • INTUCH มูลค่าขายสุทธิ 209.73 ล้านบาท
  • GLOBAL มูลค่าขายสุทธิ 199.76 ล้านบาท
  • KBANK มูลค่าขายสุทธิ 167.98 ล้านบาท
  • CPF มูลค่าขายสุทธิ 141.31 ล้านบาท
  • HMPRO มูลค่าขายสุทธิ 105.15 ล้านบาท
  • BAM มูลค่าขายสุทธิ 102.79  ล้านบาท
  • PTT มูลค่าขายสุทธิ 90.68  ล้านบาท

10 อันดับหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสูงสุด 

  • SCB มูลค่าซื้อสุทธิ  396.19 ล้านบาท
  • EA มูลค่าซื้อสุทธิ 365.03 ล้านบาท
  • BBL มูลค่าซื้อสุทธิ 253.94 ล้านบาท
  • PTTEP มูลค่าซื้อสุทธิ 206.03 ล้านบาท
  • TOP มูลค่าซื้อสุทธิ 198.54 ล้านบาท
  • TASCO มูลค่าซื้อสุทธิ 164.56 ล้านบาท
  • KTB มูลค่าซื้อสุทธิ 108.54 ล้านบาท
  • MAKRO มูลค่าซื้อสุทธิ 88.23 ล้านบาท
  • RCL มูลค่าซื้อสุทธิ 88.10 ล้านบาท
  • BDMS มูลค่าซื้อสุทธิ 81.97 ล้านบาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)โนมูระ พัฒนสิน ได้ปรับลดคำแนะนำหุ้นบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เป็น "รอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว" จากเดิมแนะนำ"ซื้อ" พร้อมปรับราคาเป้าหมายลงมาอยู่ที่ 70 บาทต่อหุ้น จากเดิมที่ 80 บาทต่อหุ้น เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2566-2567 ลงจากเดิม 14% และ 17% เหลือ 1.85 หมื่นล้านบาท และ 2.17 หมื่นล้านบาทตามลำดับ 

CPALL ได้รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 3.14 พันล้านบาท ลดลง 53% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 15% จากไตรมาสก่อน หากไม่รวมรายการพิเศษ จะมีกำไรปกติอยู่ที่ 2.91 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 24% จากไตรมาสก่อน ส่วนกำไรปี 2565 CPALL รายงานอยู่ที่ 1.33 หมื่นล้านบาท โตเล็กน้อย 2% โดยได้แรงหนุนการฟื้นตัวของธุรกิจร้านสะดวกซื้อในช่วง 9 เดือนแรก