บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส (ASPS) เผยเดือนกุมภาพันธ์ 2566 เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับแรงกดดันภายนอก ทั้งประเด็นความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์, เงินเฟ้อสหรัฐที่ยืนระดับสูง และที่สำคัญคือการรายงานงบไตรมาส 4/65 ของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ที่ผิดจากที่ตลาดคาด (Negative Surprise) มากขึ้นเรื่อยๆ จาก -20% ขึ้นสูงระดับปัจจุบัน -40% และผิดคาดมากกว่าตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่าขึ้นมาเร็วถึง 5.2% นับจากต้นปีนี้ ( YTD)
อ่านเพิ่ม : มรสุมตลาดหุ้น
โดยตลาดหุ้นไทย รายงานงบไตรมาส 4/65 ออกมา 424 บริษัท คิดเป็นสัดส่วน Market Cap. 85% ลดลง 31% จากไตรมาส 3/65(QoQ )และลดลง 42%จากไตรมาส 4/64(YoY) ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาด (Negative Surprise) ถึง -39.96% ถือว่าผิดคาดมากกว่าไตรมาสอื่นๆ ในอดีตมาก ที่ปกติมักอยู่ในกรอบ +/- 15%
ปัจจัยดังกล่าวข้างต้น เป็นแรงกดดันให้ Fund Flow ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยในเดือน ก.พ.นี้สูงกว่าปกติ ถึง 1.1 พันล้านเหรียญ หรือกว่า 3.77หมื่นล้านบาท หรือตลาดหุ้นไทยถูกขายสุทธิสูงสุดในภูมิภาคในเดือนนี้ และอีกมุมหนึ่ง คือ เป็นเดือนที่ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่เดือน เม.ย. 63 หรือช่วงเกิด COVID-19 แรกๆ
แนะถือเงินสดเพิ่ม เก็บหุ้นปันผลยีลด์สูง
กลยุทธ์การลงทุนช่วงรอการรายงานงบไตรมาส 4/65 เสร็จสิ้น รวมถึงปัจจัยกดดันภายนอกสงบลง และ Fund Flow ที่ชะลอการไหลเข้า แนะนำถือเงินสดบางส่วน 10%– 30% ส่วนหุ้นแนะนำ หุ้นผันผวนต่ำจ่ายปันผลสูง อย่าง KTB, TISCO, AP เป็น Toppick