นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักงานเลขาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ส่งคืนร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะและกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ฉบับที่...พ.ศ...หรือการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ (ภาษีขายหุ้น) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มายังกระทรวงการคลัง เนื่องจากสภาธุรกิจตลาดทุนไทยได้ส่งหนังสือคัดค้านการจัดเก็บภาษีหุ้น ซึ่งอาจทำให้ต้องเลื่อนการประกาศบังคับใช้ภาษีขายหุ้นออกไปก่อน
“เมื่อเรื่องภาษีขายหุ้นส่งคืนมายังกระทรวงการคลังแล้ว หลังจากนี้กระทรวงการคลังจะให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ตั้งทีมงานมาวิเคราะห์ และนำข้อสนอแนะของสภาธุรกิจตลาดทุนไทยมาประกอบการพิจารณาอีกครั้ง ส่วนจะทันประกาศใช้ภายในกลางปีนี้หรือไม่ ขณะนี้ไม่สามารถให้คำตอบได้ ต้องรอการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้แล้วเสร็จ”
ทั้งนี้เรื่องการจัดเก็บภาษีขายหุ้น ได้ผ่านความเห็นชอบของ ครม.ไปแล้วเมื่อปลายเดือน พ.ย.65 ที่ผ่านมา ในอัตรา 0.11% ของมูลค่าการขายหุ้น โดยจะแบ่งการจัดเก็บเป็น 2 ช่วง ปีแรก จัดเก็บในอัตรา 0.055% ส่วนปีถัดไปจัดเก็บเต็มอัตรา 0.11%
โดยตามลำดับขั้นตอน เมื่อ ครม.เห็นชอบแล้ว จะนำส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตรวจร่างกฎหมายภาษีให้ถูกต้อง ซึ่งเมื่อเดือน ม.ค.66 สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตรวจร่างเสร็จเรียบร้อย และส่งคืนมายังสำนักงานเลขาธิการ ครม.เพื่อนำเสนอทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ ก่อนประกาศบังคับใช้กฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ดี ระหว่างเตรียมการนำร่างกฎหมายเสนอทูลเกล้าฯ นั้น ทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้ทำหนังสือคัดค้านการจัดเก็บภาษีขายหุ้นมายังรัฐบาล ทำให้รัฐบาลต้องชะลอการนำเสนอทูลเกล้าฯ และได้ส่งเรื่องมายังกระทรวงการคลังเมื่อปลายเดือน ก.พ.66 ที่ผ่านมา โดยให้นำข้อเสนอของสภาตลาดทุนไทยมาพิจารณาใหม่ ทำให้แผนการเก็บภาษีขายหุ้นต้องเลื่อนไปไม่มีกำหนด จากเดิมที่คาดว่าจะประกาศใช้เดือน พ.ค.66
นอกจากนี้ยังมีประเด็นการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะใกล้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ทำให้กังวลว่าอาจจะกระทบฐานเสียงนักลงทุน
สำหรับแนวคิดการจัดเก็บภาษีขายภาษีหุ้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำการจัดเก็บภาษี เนื่องจากได้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีขายหุ้นมานานกว่า 30 ปี เพื่อหนุนตลาดทุนไทยเติบโต แต่ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยเติบโตขึ้นมาก มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมเพิ่มขึ้นถึง 22 เท่าจาก 30 ปีที่แล้ว จึงเห็นว่าไม่จำเป็นต้องยกเว้นภาษีขายหุ้นอีกต่อไป และการกลับมาเก็บภาษีขายหุ้น จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 16,000-18,000 ล้านบาท