EP ลุ้นขายไฟฟ้าพลังงานลม COD เวียดนามหนุนรายได้พุ่ง

03 มี.ค. 2566 | 08:26 น.
อัปเดตล่าสุด :03 มี.ค. 2566 | 08:50 น.

EP ผนึกผู้ประกอบการ 13 ราย พร้อมหอการค้าไทย ยื่นหนังสือหน่วยงานภาครัฐเวียดนาม เร่งสรุปอัตรารับซื้อไฟฟ้า หากโครงการไฟฟ้าพลังงานลมเดินหน้า COD บริษัทจะกลับมามีกำไร ตั้งเป้าธุรกิจสิ่งพิมพ์มียอดขายเติบโต 20%

นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการขายไฟฟ้าจากโครงการพลังงานลม จำนวน 160 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม ว่า โครงการผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานลมที่ประเทศเวียดนาม ยังอยู่ในระหว่างการเร่งเจรจากับรัฐบาลเวียดนาม เพื่อเร่งดำเนินการเปิดขายไฟฟ้าในอัตราราคาที่ 8.5 เซ็นต์ (ดอลลาร์สหรัฐ)

หลังเกิดความล่าช้าจากการที่ยังไม่ได้ กำหนดวันจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date) COD เนื่องจากทางอยู่ในระหว่างการต่อรองราคารับซื้อกับรัฐบาลเวียดนาม

รวมทั้งล่าสุดมีการแต่งตั้ง นายหวอ วาน เทือง ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งอาจทำให้การเจรจามีความรวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากนายหวอ วาน เทือง เป็นผู้ที่เข้าใจด้านการเงิน การลงทุน เชื่อว่าจะสนับสนุนการรับซื้อไฟฟ้า เพื่อผลักดันให้เวียดนาม เป็นศูนย์กลางการลงทุน

ทั้งนี้ในปัจจุบันกำลังการผลิตไฟฟ้าของเวียดนามมีไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ของประชาชน รวมทั้งการสำรองไฟฟ้าในระบบมีไม่ถึง 10% แตกต่างจากประเทศไทยที่มีการสำรองไฟฟ้าสูงถึง 50% ทำให้รัฐบาลเวียดนามต้องเร่งดำเนินการเพื่อความมั่นคงทางพลังงาน

ภาพประกอบ นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

อย่างไรก็ตามเพื่อให้ได้ข้อสรุปได้เร็วยิ่งขึ้น บริษัทและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจำนวน 13 ราย ประกอบไปด้วย บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) BRE Singapore Eternity Power ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) และ บมจ.ราช กรุ๊ป

ได้ทำหนังสือถึงหน่วยงานภาครัฐของเวียดนามผ่านหอการค้าของไทยส่งตรงถึง รัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรม โดยคาดว่าจะมีข้อสรุปได้เร็วขึ้นภายในปลายปี 2566

“เราต้องการให้ COD ชั่วคราวทันที เพราะความต้องการไฟฟ้าราคาถูกเพิ่มขึ้นแล้ว แต่จ่ายค่าไฟเพียงครึ่งเดียวจนกว่าจะได้ข้อสรุปของราคามาตรการส่งเสริมการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงาน (FIT) ถาวร ซึ่งตรงกับความคิดบริษัทที่ต้องการ ส่วนเรื่อง FIT ถาวร คาดว่าน่าจะอยู่ระหว่าง 7.35 – 7.75 เซ็นต์ ลดลงจากเดิมที่ 8.5 เซ็นต์ หรือลดลง 10-15%” นายยุทธ กล่าว

ภาพประกอบ นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

โดยบริษัท EP ได้ประมาณ โครงการไฟฟ้าจากพลังงานลม จำนวน 160 เมกะวัตต์ จากอัตราที่การไฟฟ้าเวียดนามเสนอใน 3 รูปแบบ

รูปแบบแรก FIT 0.0675 จะมีรายได้ 1,109.33 ล้านบาท EBITDA ที่ 950.63 ล้านบาท 

รูปแบบที่ 2 ลดจากอัตราเดิม 15% จะมีรายได้อยู่ที่ 1,187.39 ล้านบาท EBITDA อยู่ที่ 1,028.69 ล้านบาท

รูปแบบที่ 3 ลดจากอัตราเดิม 10% จะมีรายได้ 1,257.24 ล้านบาท EBITDA อยู่ที่ 1,098.54 ล้านบาท 

ทั้งนี้ในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทขาดทุนสุทธิเป็นเงิน 272.04 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากดอกเบี้ยจ่าย จำนวน 261.33 ล้านบาท โดย 250 ล้านบาท ใช้สำหรับโครงการลมที่ยังไม่ได้ COD ขณะที่ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง จำนวน 62.49 ล้านบาท เมื่อโครงการลม COD แล้ว ซึ่งจะส่งผลทำให้บรัทกลับมามีกำไรอย่างไรก็ตามแม้ในปีที่ผ่านมาบริษัทจะขาดทุนแต่ D:E กลับลดลงเป็น 1.12 จาก 1.19 เท่า ส่วน B.V. อยู่ที่ 4.08 บาท

ภาพประกอบ นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานรวมทั้งสิ้น 877.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.42% โดยสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์มีรายได้ 681.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และรายได้ทางตรงจากธุรกิจไฟฟ้า เพิ่มขึ้นกว่า 145% แต่เนื่องจากยังไม่มีรายได้จากโครงการไฟฟ้าพลังงานลมเข้ามา ทำให้บริษัทฯขาดทุนสุทธิ (ส่วนของบริษัท) เป็นเงิน 272.04 ล้านบาท

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจ โดยธุรกิจสิ่งพิมพ์คาดว่าจะมียอดขายเติบโต 20% หลังสามารถปรับราคาขายได้ตามราคาต้นทุนที่สูงขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นก็จะกลับสู่สภาวะปกติที่ประมาณ 15% ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้าน่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการรับรู้รายได้จากโครงการที่มีอยู่ในประเทศ ที่คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า