(7 ก.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มอบหมายให้ นางสาวพิทยาภรณ์ ชูรัตน์ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้แถลงถึงกรณีความคืบหน้าคดีทุจริตหุ้น บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK
หลังจากถูกร้องทุกข์กล่าวโทษอดีตผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องในความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และความผิดอาญาอื่นที่อาจเกี่ยวข้องกัน คดีพิเศษที่ 57/2566 ว่า ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคดีการทุจริตใน STARK เป็นคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566
ทาง DSI ได้ยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาลอาญารวมจำนวน 15 จุด เพื่อค้นหาพยานหลักฐานประกอบการสอบสวน รวมถึงเพื่อพบ และยึดสิ่งของซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยผิดกฎหมาย
เข้าตรวจค้นบริษัทจำนวน 5 จุด ประกอบด้วย
1. บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
2. บริษัท ทีมเอ โฮลดิ้ง จำกัด
3. บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด
4. บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
5. บริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ซึ่งเป็นบริษัทที่พบการทำธุรกรรมในทางบัญชีและการเงินที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก พร้อมเข้าตรวจค้นบ้านซึ่งเป็นที่พักอาศัย และที่มีชื่อของผู้ต้องสงสัย และผู้ที่มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ครอบครองรวมจำนวน 10 จุด
สำหรับผลการตรวจค้น คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้พบ และยึดสิ่งของที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานในการสอบสวนทั้งเอกสารการทำธุรกรรมต่างๆ ในบริษัท STARK และบริษัทในเครือ
ทั้งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่จัดเก็บไว้ในรูปแบบไฟล์คอมพิวเตอร์ และเอกสารหลักฐานพยานวัตถุอื่นๆ ซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่จะประกอบการสอบสวน และพิสูจน์ถึงพฤติการณ์อันมีลักษณะทุจริต
รวมถึงขยายผลไปถึงบุคคลอื่นที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด รวมทั้งได้พบและยึดเงินสดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดไว้เพื่อทำการตรวจสอบ ทั้งนี้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและขยายผลการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป
ส่วนการดำเนินการสืบสวนสอบสวน ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมออกหมายเรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ ได้แก่ บริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด, บริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ ที่ปรึกษา จำกัด ซึ่งเป็นผู้สอบบัญชี และพนักงานภายในบริษัท
รวมถึงได้มีการออกหมายจับ "นายชนินทร์ เย็นสุดใจ" เนื่องจากมีเหตุอันควรเชื่อว่าได้หลบหนีจากการติดตามของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และมีการออกหมายเรียก "นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ" และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว