ตลท. เตือน นักลงทุนศึกษางบ NUSA หลังผู้สอบบัญชีตรวจพบข้อสังเกต

11 ก.ค. 2566 | 07:32 น.
อัพเดตล่าสุด :11 ก.ค. 2566 | 07:33 น.

ตลท. เตือนนักลงทุนศึกษางบ NUSA หลังผู้สอบบัญชีตรวจพบข้อสังเกตการซื้อขายโรงแรมที่ประเทศเยอรมนี พร้อมให้ชี้แจงข้อมูล ผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ ภายในวันที่ 25 ก.ค. 66

(11 ก.ค. 66) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขอให้ ที่บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินไตรมาสที่ 1/66 ซึ่งผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นแบบมีเงื่อนไขและมีข้อสังเกต

เนื่องจากความซับซ้อนของการจัดโครงสร้างของผู้ขายโรงแรม รวมถึงสิทธิเครื่องหมายทางการค้าและใบอนุญาตต่างๆ ในประเทศเยอรมนีซึ่งเป็นประเด็นต่อเนื่องที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เคยให้บริษัทชี้แจง

โดยครั้งนี้มีเปลี่ยนแปลงรูปแบบ และเงื่อนไขการลงทุนในโรงแรมดังกล่าว พร้อมให้ชี้แจงข้อมูลผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 25 ก.ค. 66 และขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินของ NUSA และติดตามคำชี้แจงของบริษัท

ตามที่บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) (NUSA) ได้นำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 1/66 ซึ่ง "ผู้สอบบัญชี" แสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไข และมีข้อสังเกต เนื่องจากความซับซ้อนของการจัดโครงสร้างของผู้ขายโรงแรม รวมถึงสิทธิเครื่องหมายทางการค้าและใบอนุญาตต่างๆ ในประเทศเยอรมนี และบริษัทย่อยมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ และเงื่อนไขการซื้อขายโรงแรมหลายครั้ง

โดยผู้สอบบัญชีให้ความเห็นในลักษณะดังกล่าวตั้งแต่งบการเงินปี 64 ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เคยให้บริษัทชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับงบการเงินปี 64 และไตรมาสที่ 3/65 โดยเฉพาะเรื่องการซื้อโรงแรมที่ประเทศเยอรมนี

ตลาดหลักทรัพย์ ให้ NUSA ชี้แจงข้อมูล ดังนี้ 

1. รายการเข้าซื้อโรงแรมที่เยอรมนี

เดือนม.ค.64 NUSA จะเข้าซื้อโรงแรมที่เยอรมนีซึ่งอยู่ระหว่างขอใบอนุญาต ต่อมาในงบการเงินไตรมาสที่ 3/65 ได้เปลี่ยนเป็นการซื้อหุ้นแทน (เป็นเจ้าของบริษัทที่มีทรัพย์สินเป็นโรงแรมดังกล่าว) โดยจ่ายเงินมัดจำให้ผู้ขายแล้ว 624 ล้านบาท (84% ของราคาซื้อไม่เกิน 740 ล้านบาท ขึ้นกับผล Due Diligence) อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนพ.ค.66 ได้เปลี่ยนการลงทุนเป็นการซื้อหุ้น (ไม่ระบุชื่อ) โดยยกเลิกสัญญาเดิมและตกลงให้ผู้ขายเดิมคืนเงินมัดจำภายใน 2 ปี โดยไม่มีดอกเบี้ย ทั้งนี้ ปรากฏข้อมูลว่ามีการเลื่อนเปิดโรงแรมจากไตรมาสที่ 3/66 เป็นปี 67

ผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไขว่าไม่สามารถสอบทานรายการนี้ให้มั่นใจเกี่ยวกับผู้ขายที่แท้จริงและไม่สามารถสรุปได้ว่าจำเป็นต้องปรับปรุงเงินมัดจำค่าซื้อโรงแรมและสิทธิเครื่องหมายการค้าดังกล่าวหรือไม่ หากต้องปรับปรุงจะมีผลกระทบต่องบการเงินอย่างไร

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ชี้แจงในประเด็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและเงื่อนไขการลงทุนในโรงแรมดังกล่าว ความคืบหน้าและกรอบเวลาในการทำ Due diligence แล้วเสร็จ เหตุใดจึงไม่เรียกคืนเงินมัดจำทันที และแนวทางการดำเนินการเพื่อให้ผู้สอบบัญชีสามารถสอบทานรายการดังกล่าวได้อย่างมั่นใจและสามารถแสดงความเห็นต่องบการเงินแบบไม่มีเงื่อนไขได้

2. รายการเกี่ยวกับบริษัท มอร์ มันนี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด

เดือน ก.ค. 65 NUSA ลงทุนในบริษัท มอร์ มันนี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มอร์ มันนี่) 30% (ผู้ถือหุ้นอีก 50% คือ บริษัทย่อยของบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE) และได้วางเงินมัดจำให้แก่มอร์มันนี่ เพื่อเป็นหลักประกันว่าบริษัทจะปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงการร่วมทุน ต่อมาบริษัทได้ยกเลิกการร่วมลงทุน และขายหุ้นมอร์มันนี่ โดยได้โอนกรรมสิทธิในหุ้นดังกล่าวให้แก่ผู้ซื้อแล้ว แต่ยังไม่ได้รับชำระค่าขาย 

นอกจากนี้ มอร์ มันนี่ ได้ขอขยายเวลาคืนเงินเพิ่มทุนและเงินมัดจำรวม 57.5 ล้านบาท ออกไปอีก 90 วัน (ครบวันที่ 29 ก.ค.66 และวันที่ 11 ส.ค.66 ตามลำดับ) ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ชี้แจงเหตุผลที่ขยายเวลาคืนเงินเพิ่มทุนและเงินมัดจำ มาตรการดำเนินการเพื่อให้ได้รับคืนเงินดังกล่าวเมื่อครบกำหนดเวลาที่ขยาย รวมทั้งผลกระทบต่อสภาพคล่องของกลุ่มบริษัท

3. ความสามารถของกลุ่มบริษัทในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

ผู้สอบบัญชีได้ให้ข้อสังเกตเรื่องความสามารถของกลุ่มบริษัทในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานต่อเนื่องหลายปี และ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/66 กลุ่มบริษัทมีหนี้สินสำคัญ คือ เจ้าหนี้ค่างานก่อสร้างของบริษัท ณุศา เลเจนด์ สยาม จำกัด (ณุศา เลเจนด์) รวม 1,723 ล้านบาท

โดย China International Economic and Trade Arbitration Commission มีคำชี้ขาดข้อพิพาทให้บริษัทชำระหนี้ของณุศา เลเจนด์ อย่างไรก็ดี บริษัทได้ยื่นขอเพิกถอนคำชี้ขาดข้อพิพาทดังกล่าว โดยบริษัทเชื่อมั่นว่าจะยังไม่ถือเป็นเหตุผิดนัดในมูลหนี้อื่นของบริษัท

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ชี้แจงความคืบหน้าของข้อพิพาทดังกล่าว รวมถึงผลกระทบต่อเหตุผิดนัดในมูลหนี้อื่นของบริษัท เช่น หนี้หุ้นกู้ เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เป็นต้น เนื่องจากประเด็นข้างต้นตามข้อ 1- 3

เพราะอาจมีผลกระทบต่อฐานะการเงิน และสภาพคล่องของบริษัทตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอทราบความเห็นของคณะกรรมการบริษัท และคณะกรรมการตรวจสอบต่อผลกระทบดังกล่าว รวมทั้งเป็นประโยชน์สูงสุดต่อกลุ่มบริษัท และผู้ถือหุ้นอย่างไร