จากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง โดยให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ Ashton Asoke ( แอชตัน อโศก) ของ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN เนื่องจากได้วินิจฉัยในประเด็นสำคัญที่ว่า ที่ดินของรฟม.ไม่อาจนำมาให้บริษัทฯหรือเอกชนใช้ในการทำโครงการได้ จึงทำให้หน่วยงานของรัฐไม่อาจขอใบอนุญาตในการก่อสร้าง จึงมีผลให้ใบอนุญาตไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คาด ANAN ตั้งสำรอง Q2/66 ราว 422 ล้าน
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส หรือ ASPS วิเคราะห์ (31 ก.ค.2566 ) ว่าคดี "แอชตัน อโศก" ถือเป็นข่าวเชิงลบอย่างรุนแรงต่อบริษัท ANAN เนื่องจากการตัดสินของศาลปกครองสูงสุดนับว่าสิ้นสุดของคดี แม้จะยังไม่สามารถประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นในเชิงตัวเลขได้ชัดเจน เนื่องจากต้องรอความเห็นของผู้ตรวจสอบบัญชีที่มีต่องบการเงิน
แต่เบื้องต้นอาจเห็นการตั้งสำรองความเสียหายของโครงการ อย่างน้อยในส่วนของห้องชุดที่ยังไม่ได้ขายที่มีมูลค่า 828 ล้านบาท ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่บริษัทร่วมทุนคือ 51% ( โครงการร่วมลงทุน :Joint Venture ระหว่างบริษัทฯ กับ ซี อินเวสเม้นท์ ไฟว์ ไพรเวท ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัท มิตซุย ฟูโดซัง จำกัด ในสัดส่วนการถือหุ้น 51 : 49 ตามลำดับ ) ดังนั้นคาดมูลค่าที่บริษัทฯต้องตั้งสำรองราว 422 ล้านบาท (คิดเป็น 0.10 บาท/หุ้น และ 0.1% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมสิ้น Q1/66) ในงบการเงิน (มีโอกาสเกิดขึ้นใน Q2/66)
กระทบความเชื่อมั่น ออกหุ้นกู้ครั้งใหม่ทำได้ยากขึ้น
จากประเด็นข่าวดังกล่าว ย่อมสร้างกระแสเชิงลบด้านจิตวิทยาในหลายส่วน ทั้งต่อแวดวงธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในตลาดฯ ตลอดจนความเชื่อมั่นต่อภาพลักษณ์บริษัทฯ ย่อมกระทบต่อการโอนกรรมสิทธิ์,การสร้าง Presale ทั้งจากโครงการเดิมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และโครงการใหม่ที่เตรียมเปิดขาย Q4/66 ซึ่งมีโอกาสถูกเลื่อนออกไป จนกว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อได้อีกครั้ง รวมถึงกระทบต่อความมั่นใจของกลุ่มนักลงทุน ทั้งผู้ร่วมทุน (กลุ่มพันธมิตร JV คือ Mitsui Fudosan Japan),เจ้าหนี้ และผู้ถือหุ้นกู้ ทำให้การออกหุ้นกู้ครั้งใหม่ หรือ Roll-Over มีโอกาสทำได้ยากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการดำเนินงาน และปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน
กางสถานะการเงิน"เงินสด-ภาระหนี้"
ด้านสถานะการเงิน ANAN ณ สิ้น มี.ค.2566 มีเงินสดในมือ 8.4 พันล้านบาท, หนี้มีภาระดอกเบี้ยจ่าย (ไม่รวมหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ – Perpetual Bond 3 พันล้านบาท) เพิ่มเป็น 2.67 หมื่นล้านบาท ( จาก 2.28 หมื่นล้านบาทงวดก่อน ผลจากการออกหุ้นกู้ 2 ชุดรวม 4 พันล้านบาทใน Q1/66) ในส่วนนี้เป็นหุ้นกู้ 2.06 หมื่นล้านบาท (มีกำหนดชำระใน 1 ปี มูลค่า 9.4 พันล้านบาท และมากกว่า 1 ปี ที่ 1.12 หมื่นล้านบาท)
ขณะที่ส่วนทุน 1.24 หมื่นล้านบาท ลดลงจาก 1.45 หมื่นล้านบาทงวดก่อน หลังชำระคืน Perpetual Bond 2 พันล้านบาท และกำไรสะสมลงมาที่ 2.7 พันล้านบาท ตามผลประกอบการที่ยังขาดทุน ส่งผลให้ Net Gearing สิ้น 1Q66 ที่ 1.47 เท่า (เพิ่มจาก1.09 เท่างวดก่อน) ใกล้ระดับอัตรา Net IBD/E ตามข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้ (Bond Covenant) ที่ 1.6 เท่า
ทำให้ประเด็นสถานะการเงินยังเป็นเรื่องต้องติดตาม (เป้าสิ้นปีของบริษัทคาด Net IBD/E 1.1-1.2 เท่า) ทั้งนี้ภายใต้กรณีนำ Perpetual Bond ที่ยังไม่ครบกำหนดไถ่ถอนอีก 3 พันล้านบาท ออกจากส่วน Equity และรวมเป็นหนี้สิน พบว่า Net Gearing อยู่ที่ 2.25 เท่า (เทียบกับ 2.18 เท่างวดสิ้นปี 2565)
บล.เอเซียพลัส มีมุมมองต่อหุ้น ANAN แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุน และUnderperform (เดิม Neutral)ภายใต้การประเมินมูลค่าผ่านการ Adjusted BV ปี 2566 ที่ไม่รวม Perpetual Bond และสะท้อนความเสียหายของโครงการ Aston Asoke โดยหักมูลค่าโครงการ 6.5 พันล้านบาท ตามสัดส่วนถือ 51% คิดเป็นมูลค่า 0.8 บาท/หุ้น จะให้มูลค่า Adjusted BV ที่ 1.51 บาท/หุ้น และอิง PBV 0.5 เท่า ส่งผลให้ราคาเป้าหมายปีนี้อยู่ที่ 0.75 บาท