1.ตลาดแรก - ตลาดรอง
ลงทุนโดยตรง ใน 2 ช่องทาง
1. ลงทุนในตลาดแรก
ที่ผู้ออกเสนอขายเป็นครั้งแรก
2. ลงทุนในตลาดรอง
ที่เป็นการซื้อขายเปลี่ยนมือระหว่างผู้ลงทุนที่ต้องการขายก่อนครบอายุ หรือซื้อไม่ทันในตลาดแรก
ทั้งนี้ ตราสารหนี้ภาคเอกชนส่วนใหญ่ต้องซื้อขั้นต่ำที่ 100,000 บาท ผู้ลงทุนจึงอาจกระจายความเสี่ยงได้ไม่มาก และควรติดตามข้อมูลตลาดเสมอ
2.ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระ DEFAULT
ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ (Default Risk) คือการที่ผู้ออกไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ตามกำหนด
เมื่อมีการผิดนัดชำระ ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะทำหน้าที่เรียกร้องให้ผู้ออกชำระหนี้และเป็นศูนย์กลางข้อมูล โดยผู้ถือหุ้นกู้ควรติดตามข่าวสารจากผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และต้องใช้สิทธิเข้าร่วมประชุมเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง
3.อัตราดอกเบี้ยมีผลต่อราคา
อัตราดอกเบี้ยในตลาดเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าหรือราคาตราสารหนี้เคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้าม
4.กองทุนรวมตราสารหนี้
ลงทุนตราสารหนี้โดยอ้อมผ่าน "กองทุนรวมตราสารหนี้"
ทั้งนี้ กองทุนรวมตราสารหนี้จะต้องคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV)ให้เป็นมูลค่าตามราคาปัจจุบัน ที่เรียก
ว่า การ Mark To Market ในทุกๆ สิ้นวันทำการ ผู้ลงทุนจึงอาจมีโอกาสขาดทุนหรือกำไรจากราคาตราสารหนี้ที่เคลื่อนไหวตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย
5.ภาษี (TAX )
การลงทุนโดยตรง
ทั้งนี้นักลงทุนสามารถขอคืนภาษีได้หากฐานภาษีเงินได้ประจำปีไม่ถึง 15%
การลงทุนโดยอ้อมผ่านกองทุนรวมตราสารหนี้
ที่มา : สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA)