เปิด"หุ้นเด่น" ดักเม็ดเงินงานใหญ่"Thailand Focus 2023"

19 ส.ค. 2566 | 01:45 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ส.ค. 2566 | 01:48 น.

ลุ้นงานใหญ่ Thailand Focus 23-25 ส.ค. เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน บล.ทิสโก้ เผยดัชนี SET มักตอบสนองเชิงบวกช่วง 2 สัปดาห์หลังการจัดงาน มีโอกาสให้ผลตอบแทนเฉลี่ยบวก 1.3% เช็ค"หุ้นเด่น"ได้ประโยชน์จากงานนี้ จากมุมมอง 3 โบรก

Thailand Focus 2023 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ ประเมินว่า จากการที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และ 3 โบรกเกอร์ชั้นนำของประเทศ ซึ่งรวมถึงบล.ทิสโก้ด้วย จะจัดงาน Thailand Focus ในวันที่ 23-25 ส.ค. นี้ โดยในปีนี้มี 118 บริษัทเข้าร่วมงานดังกล่าว อิงจากการศึกษาข้อมูลในอดีต SET Index มักตอบสนองเชิงบวกดีที่สุดในช่วง 2 สัปดาห์หลังการจัดงาน โดยมีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกราว 69% และค่าเฉลี่ยผลตอบแทนอยู่ที่ +1.3%  จึงมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อการจัดงาน Thailand Focus ในปีนี้ เพราะมาในช่วงที่คาดหวังการเมืองในประเทศจะเกิดความชัดเจน ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสจะพลิกมาซื้อคืน หลังจากที่ขายสุทธิต่อเนื่อง 7 เดือนติดต่อกันรวมมากกว่า 1.3 แสนล้านบาท และตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่ Underperform หุ้นโลกมากกว่า 20% ในปีนี้ 

เปิด\"หุ้นเด่น\" ดักเม็ดเงินงานใหญ่\"Thailand Focus 2023\"

ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส ระบุว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่
ปรับตัวลง 7.2% จากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดไว้ บวกกับการเร่งตัวขึ้นของตราสารหนี้สหรัฐฯ โดย
พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.31% และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่ง 1 เดือนที่ผ่านมา ตราสารหนี้สหรัฐฯยกตัวขึ้นสูงเกือบทั้ง
เส้นเกิน 50 bps. ซึ่งเหมือนกับตอบรับการขึ้นดอกเบี้ยถึง 2 รอบกว่าๆ ตามกลไกจะกดดันให้ตลาดหุ้นซื้อขายบน P/E ที่ลดลง และกดดันดัชนีได้ถึง 9 - 11% บ่งบอกถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯยังมี Downside จากประเด็นนี

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยสามารถ Outperform ได้ดี โดยปรับตัวลงเพียง 0.4% จากที่ตราสารหนี้ไทยยังไม่ปรับขึ้นเหมือนสหรัฐฯ โดย Bond Yield 10 ปีไทยยังต่ำเพียง
2.71% และเพิ่มขึ้นมา 14 bps. เท่านั้น แม้ผ่านการขึ้นดอกเบี้ยมา 25 bps. ในวันที่ 3 ส.ค.66

ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุดการจัดตั้งรัฐบาลโดยแกนนำพรรคเพื่อไทยมีพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มเติม คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งทำให้เสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลมีอยู่ 274 เสียง(ถือเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากแล้ว) ซึ่งต้องติดตามต่อว่าในช่วงเวลาที่เหลือ 3 วัน ว่าจะมีพรรคใดแถลงเข้าร่วมรัฐบาลอีกหรือไม่ ซึ่งวันที่ 22 ส.ค.66 จะเป็นวันโหวตนายกฯรอบ 3 ขณะที่ปัจจัยหนุนหลังจากนั้นคือ งาน Thailand Focus 2023 ที่จะจัดขึ้น 23-25 ส.ค.66 คาดทำให้การลงทุนของนักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น จากการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียน
เปิด\"หุ้นเด่น\" ดักเม็ดเงินงานใหญ่\"Thailand Focus 2023\"

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังเลือกตั้งเสร็จสิ้น และเป็นหุ้นที่เข้าร่วมงาน Thailand Focus 2023 แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มดังนี้

  • กลุ่มบริษัทที่ไม่มา Thailand Focus 2022 แต่ปี2023 นี้มา TPIPL ,TASCO ,SIRI , BCPG KTB , SCCC , STEC
  • กลุ่มบริษัทมา Thailand Focus 2022 และปี 2023 มาต่อเนื่อง TRUE , AMATA, CPALL, CPN , LH,  CRC, BJC, AOT, ERW

ด้านนักวิเคราะห์จากบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า งาน Thailand Focus 2023 ปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ The New Horizon ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเน้นไปที่โอกาสการลงทุนใหม่ๆ ของเศรษฐกิจไทย รวมถึงตลาดทุนไทย โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เชิญผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานต่างๆ มาแชร์มุมมองในแต่ละหัวข้อที่เกี่ยวข้อง โดยมีหัวข้อต่างๆ ดังนี้

  • 1.การดำเนินนโยบายทางการเงินในยามที่หนี้สินภาคครัวเรือนอยู่ในระดับสูง
  • 2. โอกาสใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในตลาดทุนไทย
  • 3. New S-Curve ของภาคการท่องเที่ยวไทย
  • 4. ประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการย้ายฐานการผลิตในอุตสาหกรรม EV
  •  5. ศักยภาพของ Soft Power ของไทย และ
  • 6. แนวทางดำเนินกิจการเพื่อสร้างความยั่งยืนระดับโลก

ฝ่ายวิจัย ระบุว่าจากการทำการศึกษาข้อมูลในอดีตย้อนหลัง 5 ปี (61-65) พบว่า ตลาดหุ้นไทยมักให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย 1.6% หากเข้าสะสมหุ้นก่อนวันงาน 7 วัน และไปขายในวันสุดท้ายของการจัดงาน โดยผู้ซื้อสุทธิหลักในช่วงเวลาดังกล่าว คือ นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศ เฉลี่ยราว 1,061 ล้านบาท และ 3,251 ล้านบาท ตามลำดับ

นอกจากนี้ค่าทางสถิติ ยังบ่งชี้ว่าบริษัทจดทะเบียนที่มาให้ข้อมูลในวันแรกของงานสัมมนามักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งในปี 2566 มี 6 บริษัท ได้แก่ AOT, BDMS, SPA, SNP, SCC และ PTTGC รวมถึง กลุ่มท่องเที่ยว, กลุ่มโรงพยาบาล, และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ที่สอดคล้องไปกับหัวข้องานสัมมนาในครั้งนี้