STARK สรุปผลสอบ Special Audit ระยะ 2 "บันทึกรับ-จ่าย-ใช้เงิน"ผิดปกติ

30 ก.ย. 2566 | 03:43 น.
อัพเดตล่าสุด :30 ก.ย. 2566 | 03:48 น.

STARK สรุปผลตรวจสอบพิเศษ ไม่ต่างกับข้อมูลที่เผยในงบปี 65 "บันทึกรับ-จ่ายเงิน"ผิดปกติหลายรายการ ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ จากเงินรับออกหุ้นกู้ 10,698 ล้าน - เพิ่มทุน PP ประเมิน PDITL-TCI-ADS เสียหายรวมกว่า 2 หมื่นล้าน เฉพาะ"เฟ้ลปส์ดอด"พบรายการผิดปกติกว่า 200 รายการ

นายอรรถพล วัชระไพโรจน์ กรรมการ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าบริษัทฯได้ดำเนินการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ ตามขอบเขตที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ให้ขยายผลเพิ่มเติม (Extended-scope Special Audit) โดยได้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจนถึงวันที่ 29 กันยายน 2566 นั้น บริษัทฯ ได้รับรายงานข้อเท็จจริงที่ตรวจพบจากการดำเนินการดังกล่าวจากผู้สอบบัญชี ดังนี้

ใช้เงินไม่ตรงวัตถุประสงค์จากเงินรับ"ออกหุ้นกู้-เพิ่มทุน PP"

1.กรณีบริษัท STARK ผู้สอบบัญชีตรวจพบธุรกรรมทางการเงิน หรือการบันทึกรายการทางการเงินที่ผิดปกติในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การบันทึกรายการรับ-จ่ายเงินระหว่างบริษัทและบริษัทย่อยที่ผิดปกติ รายการจ่ายเงินที่ไม่ตรงกับใบแจ้งหนี้ รวมถึงการใช้เงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ และการใช้เงินที่ได้รับจากการใช้เงินเพิ่มทุนที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ซึ่งบริษัทขอสรุปธุรกรรมที่ผิดปกติที่สำคัญดังนี้
 

1.1.การใช้เงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้

บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้ทั้งหมด 6 ชุดและได้รับเงินจากหุ้นกู้ดังกล่าวรวมจำนวน ทั้งสิ้น 10,698.40 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ชำระสินเชื่อและเงินกู้ยืมจากธนาคาร รวมถึงชำระคืนตั๋วแลกเงินและหุ้นกู้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับกลุ่มกิจการ แต่บริษัทได้นำเงินส่วนใหญ่ที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อย ได้แก่ บริษัทเฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด (“PDITL”) และ บริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (“TCI”) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ชำระสินเชื่อและเงินกู้ยืมจากธนาคาร

อย่างไรก็ดี ผู้สอบบัญชีตรวจพบความผิดปกติหลายรายการและยังตรวจสอบไม่แล้วเสร็จ จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการใช้เงินที่ได้รับจาก STARK ของทั้งสองกิจการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานตามปกติของแต่ละบริษัทหรือไม่

1.2.การใช้เงินเพิ่มทุนที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement : PP) ผู้สอบบัญชีได้ตรวจพบว่า บริษัทซึ่งดำเนินการภายใต้การบริหารของผู้บริหารชุดเดิม ได้นำเงินจากการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวเพื่อไปชำระ Letter of credit สำหรับเจ้าหนี้การค้าเพื่อซื้อวัตถุดิบจำนวน 4,071 ล้านบาท และชำระคืนหุ้นกู้ ชุดที่ 3 (STARK23206A) พร้อมดอกเบี้ยจำานวน 1,509 ล้านบาทในปี 2566 ตามที่ปรากฏในหมายเหตุประกอบงบการเงินประจำปี 2565 ของบริษัท

PDITL เสียหายเบื้องต้นกว่า 1.2 หมื่นล้าน ผิดปกติกว่า 200 รายการ

2.กรณี บริษัทเฟ้ลปส์ดอดจ์ อินเตอร์เนชั่แนล (ไทยแลนด) จำกัด (PDITL)

ผู้สอบบัญชีตรวจพบธุรกรรมทางการเงิน หรือการบันทึกรายการทางการเงินที่ไม่เกิดขึ้นจริง หรือธุรกรรมที่ไม่ตรงกับรายการที่เกิดขึ้นจริง ธุรกรรมที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ เช่น การทำรายการขายที่ไม่เกิดขึ้นจริง หรือที่ไม่ปรากฏเอกสารประกอบการขาย การบันทึกรายการรับชำระหนี้จากบริษัทหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกันที่ไม่ใช่ลูกหนี้ การทำรายการขายที่ไม่สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้โอนเงินหรือชำระเงิน การทำรายการขายที่ไม่มีการยืนยันการรับสินค้าจากลูกค้า เป็นต้น

แม้ว่าบริษัทจะได้ขอรายการเดินบัญชีจากธนาคารที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ในการตรวจสอบธุรกรรมที่ผิดปกติ แต่ข้อมูลในรายการเดินบัญชีธนาคารที่ได้รับมานั้นบางส่วนก็ไม่แสดงข้อมูลผู้โอนเงิน หรือผู้ชำระเงิน และมีบางส่วนที่ยังไม่ได้รับการตอบกลับจากธนาคาร ดังนี้ จึงเกิดอุปสรรคในการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินที่ผิดปกติ

นอกเหนือจากนี้ ผู้สอบบัญชียังตรวจพบในรูปแบบอื่น ๆ เช่น 

  • (ก) การสั่งซื้อวัตถุดิบโดยที่ไม่ปรากฎเอกสารประกอบ หรือการโอนเงินให้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้องกันเพื่อซื้อวัตถุดิบที่ไม่ได้มีการซื้อ-ขายเกิดขึ้นจริงหรือการบันทึกธุรกรรมเป็นการโอนเงินค่าวัตถุดิบ แต่ธุรกรรมที่เกิดขึ้นจริงนั้นเป็นการโอนเงินให้แก่บริษัทอื่นหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน หรือบุคคลธรรมดาที่ไม่ใช่ผู้ขายวัตถุดิบ 
  • (ข) การรับโอนเงินจากบริษัทที่ไม่เคยมีธุรกรรมระหว่างกัน หรือการรับโอนเงินจากบริษัทหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกันแต่มีการบันทึกบัญชีไม่สอดคล้องกับรายการที่เกิดขึ้น 
  • (ค) การทำธุรกรรมกู้ยืมที่ไม่มีการบันทึกรายการเงินให้กู้ยืม เป็นต้น

ผู้สอบบัญชีตรวจพบรายการทางการเงินที่ผิดปกติในรูปแบบต่าง ๆ มากกว่า 200 รายการโดยมีมูลค่าความเสียหายรวมมากกว่า 8,000 ล้านบาทในปี 2565 และ มากกว่า 4,000 ล้านบาท ในปี 2564 "


TCI เสียหายร่วม 7 พันล้าน จ่ายเงินเข้าบัญชีบุคคล 2 พันล้าน

3.บริษัทไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนช่ันแนล จำกัด (TCI)

TCI มีการออกเอกสารการขายไม่มีหลักฐานการจัดส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าและมีรายการรับชำระเงินจากผู้ที่ไม่ใช่ลูกค้าของบริษัท ซึ่งรายการที่ผิดปกติดังกล่าวมีมูลค่ารายการมากกว่า 3,000 ล้านบาท และมีการออกใบแจ้งหนี้โดยระบุให้ชำระเงินเข้าบัญชีของบุคคลธรรมดาแทนที่จะเป็นบัญชีของ TCI เป็นมูลค่ารวมมากกว่า 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ TCI ยังมีรายการจ่ายเงินเพื่อชำระเป็นค่าสินค้าและบันทึกเพิ่มรายการสินค้าคงเหลือโดยที่ไม่มีหลักฐานการรับมอบสินค้าคงเหลือ ซึ่งรายการในลักษณะนี้ก่อให้เกิดความเสียหายจำนวนมากกว่า 2,000 ล้านบาท

4.บริษัท อดิสรสงขลา จำกัด (ADS) ผู้สอบบัญชีได้ทำการตรวจสอบรายการทางการเงินที่สำคัญของ ADS ซึ่งรวมถึงรายการจ่ายค่าตอบแทนพนักงาน ซึ่งแม้ว่าผู้สอบบัญชีจะมีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับสัญญาบริการที่ ADS เข้าทำกับลูกค้า รายละเอียดบันทึกเวลาการท างานของพนักงาน (Timesheet)และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้ได้รับข้อมูลเพื่อทำการตรวจสอบรายการประมาณ 25% และไม่สามารถสรุปผลการตรวจสอบรายการจ่ายค่าตอบแทนพนักงานของ ADS ได้ 

โดยผู้สอบบัญชีได้ตรวจเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมอื่น ๆ ของ ADS ในช่วงระหว่างปี 2564 - 2565 และพบว่า ADS มีการรับรู้รายได้รายได้ค้างรับลูกหนี้การค้า ที่ไม่มีหลักฐานประกอบการทำรายการ และพบว่ามีการบันทึกต้นทุนค่าแรงและต้นทุนอื่นที่เกี่ยวข้องโดยไม่มีหลักฐานสนับสนุนอีกด้วย 

ในส่วนของ ADS จึงสามารถสรุปความเสียหายในเบื้องต้นจากการรับรู้รายได้ค้างรับที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงได้ว่า ADS ได้รับความเสียหายจากการรับรู้มูลค่าที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมากกว่า 600 ล้านบาทในปี 2564  และมูลค่ามากกว่า 200 ล้านบาทในปี 2565 และยังมีลูกหนี้การค้าที่สูงกว่าความเป็นจริงมากกว่า 800 ล้านบาทในปี 2565

ยันผลสอบไม่ต่างจากที่เผยในข้อมูลงบการเงิน 65

อนึ่ง บริษัทขอเรียนว่าผลของการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษตามขอบเขตที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ให้ขยายผลเพิ่มเติม (Extended-scope Special Audit) ระยะที่สองนี้ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากข้อมูลที่ได้เปิดเผยไว้ในงบการเงินประจำปี 2565 ของบริษัท

และภายใต้การดำเนินการของฝ่ายจัดการชุดปัจจุบัน บริษัทได้ดำเนินการปรับปรุงกระบวนการทำงาน และระบบตรวจสอบภายในเพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง ปรับปรุงให้มีระบบควบคุมกระบวนการทำงานและการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ตลอดจนเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการบริษัทให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์กฎหมายที่เกี่ยวข้องและสามารถบริหารบริษัทให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลที่ดีต่อไป