ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,997.65 จุด เพิ่มขึ้น 13.11 จุด หรือ + 0.04%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,373.20 จุด ลดลง 0.43 จุด หรือ -0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,533.75 จุด ลดลง 34.24 จุด หรือ -0.25%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน โดยในช่วงแรกตลาดดีดตัวขึ้นขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงแบงก์ ออฟ อเมริกา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ก่อนที่ตลาดจะอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 4.8%
คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศแผนระงับการส่งออกชิป AI ที่ผลิตโดยบริษัทอินวิเดียและบริษัทอื่น ๆ ให้กับจีน เพื่อขัดขวางไม่ให้จีนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยของสหรัฐ เพราะกังวลว่าจีนอาจจะนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้ในการพัฒนากองทัพ
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวได้ฉุดดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ตลาดฟิลาเดลเฟีย (PHLX Semiconductor Index) ลดลง 0.8% ขณะที่หุ้นอินเทล ร่วงลง 1.4% ส่วนหุ้นอินวิเดีย ดิ่งลง 4.7% แม้อินวิเดียประเมินว่ามาตรการดังกล่าวของรัฐบาลสหรัฐจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญในระยะใกล้นี้
สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 0.7% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% โดยแรงหนุนจากยอดขายรถยนต์และยอดขายของสถานีบริการน้ำมัน ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน
แอนโทนี ซากลิมบีน นักวิเคราะห์จากบริษัท Ameriprise Financial กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสถือเป็นข่าวดี แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นข่าวร้ายสำหรับตลาดหุ้น เนื่องจากนักลงทุนมองว่าภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจะสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น และอาจจะดับความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาด นักลงทุนให้น้ำหนัก 37.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75% ในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่ให้น้ำหนักเพียง 25% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนช่วยลดช่วงลบในตลาด โดยบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 2.66 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.52 ดอลลาร์
ส่วนแบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 90 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 82 เซนต์ และโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 อยู่ที่ 5.47 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.31 ดอลลาร์
นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดมีรายงานว่าชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 500 ราย หลังจากกองทัพอิสราเอลยิงถล่มโรงพยาบาลในฉนวนกาซา ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ จะเดินทางเยือนอิสราเอลในวันนี้ เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนอิสราเอลในการต่อสู้กับกลุ่มฮามาส
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York) ในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.
ราคาปิดทรงตัว 86.66 ดอลล์ ตลาดจับตาไบเดนเยือนอิสราเอล
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดทรงตัวในวันอังคาร (17 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาความพยายามทางการทูตของสหรัฐและการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะเดินทางเยือนอิสราเอลในวันนี้ เพื่อประเมินว่าความพยายามเหล่านี้จะสามารถป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งในตะวันออกกลางลุกลามเป็นวงกว้างหรือไม่
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ปิดที่ 86.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของวันจันทร์ที่ 16 ต.ค.
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 89.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทองคำนิวยอร์กปิดบวก 1.40 ดอลล์ นักลงทุนจับตาตะวันออกกลาง
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก (COMEX) (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์ หรือ 0.07% ปิดที่ 1,935.70 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนจับตาประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ซึ่งจะเดินทางเยือนอิสราเอลในวันนี้ (18 ต.ค.) โดยจะเข้าพบนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เพื่อแสดงการสนับสนุนอิสราเอลในการปกป้องตนเองจากการโจมตีของกลุ่มฮามาส นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนจะเดินทางไปยังกรุงอัมมานของจอร์แดนเพื่อเข้าร่วมการประชุมสี่ฝ่ายกับผู้นำจอร์แดน อียิปต์ และปาเลสไตน์ เพื่อหาทางคลี่คลายวิกฤตการณ์จากการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะยังคงเคลื่อนไหวที่เหนือระดับ 1,900 ดอลลาร์ จนกว่าอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงและสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลางบรรเทาลง