ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ( ASPS ) ระบุว่าในบทวิเคราะห์วันนี้ (19 ต.ค.2566 ) ว่า ประเด็นสงครามในอิสราเอลยืดเยื้อ กดดันผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ( Bond Yield ) 10 ปีสหรัฐ เร่งขึ้นมาแรงกว่า 0.37% ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา จาก 4.56% (ณ 11 ต.ค. 66) ขึ้นมาอยู่ที่ 4.93% (ณ 18 ต.ค. 66)
ส่งผลให้นักลงทุนกลับมากังวล กดดันให้เม็ดเงินมีโอกาสไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะหุ้น Growth Stock เนื่องจากกำไรที่คาดหวังในอนาคตอาจลดลง จากแนวโน้มเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นกดดันรายได้ลดลง และภาระดอกเบี้ยที่สูงขึ้นกดดันต้นทุนทางการเงินสูงตามไปด้วย ส่งผลให้เม็ดเงินเริ่มเอนเอียงมาที่หุ้น Value มากกว่า สะท้อนได้จากดัชนี Dowjones (ตัวแทนหุ้น Value) ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าดัชนี Nasdaq (ตัวแทนหุ้น Growth) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
กลับมาที่ตลาดหุ้นไทย ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยหุ้น Value เป็นหลัก ขณะเดียวกันวานนี้ ( 18 ต.ค.66 ) ยังเห็นต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยวานนี้ 2.8 พันล้านบาท หรือ 77 ล้านเหรียญ เด่นสุดในกลุ่ม TIP พร้อมกับซื้อสุทธิสัญญา SET50 Futures สูงถึง 18,566 สัญญา
หนุนให้หุ้น Value ขนาดใหญ่ อย่างดัชนี SET50 ปรับตัวขึ้น 0.83% Outperform กว่าดัชนี MAI (ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้น Growth Stock ขนาดเล็ก) ปรับตัวลงแรงถึง -1.88%
ดังนั้นภายใต้แรงกดดันหุ้น Growth Stock จากปัจจัยภายนอก จึงแนะนำหลบเลี่ยงด้วยการลงทุนหุ้น Value ขนาดใหญ่ น่าจะช่วยหลบความผันผวนของตลาดในช่วงนี้ได้ แนะนำ PTTEP, TOP, BBL, GULF, CPN, CRC, HMPRO, LH, BH, WHA