(26 ต.ค. 66) นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงกว่า 30 จุด ว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปรับลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคโดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกประเทศ ทั้งจากปัญหาความขัดแย้งของ "อิสราเอล-ปาเลสไตน์" และทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้คาดว่าตลาดหุ้นไทย ยังคงผันผวนต่อไปอีกระยะจนกว่าปัจจัยต่างๆ จะชัดเจน พร้อมยืนยันว่าปัจจัยพื้นฐานตลาดหุ้นไทยไร้ปัญหา แต่ดัชนีที่ปรับตัวลดลง มาจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก
ซึ่งปี 2566 นี้มี Fund Flow ไหลตั้งแต่ต้นปีออกกว่า 1.7 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนระยะสั้น จากปีก่อนที่มีเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามากกว่า 2 แสนล้านบาท พร้อมมองว่าจุดพลิกผันตลาดหุ้นไทยจะเกิดขึ้นได้หากปัจจัยลบภายนอกประเทศคลี่คลาย
ส่วนตลาดหุ้นไทยวันนี้มีการทำช็อร์ตเซล (Short sell) อยู่ที่ระดับ 11.34% ซึ่งไม่แตกต่างจากช่วงปกติ ที่อยู่ที่ประมาณ12% ขณะที่การใช้โปรแกรมเทรดในวันนี้อยู่ที่ 36% ก็เป็นไปตามปกติที่จะมีการใช้โปรแกรมเทรดเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ประมาณ 30 ถึง 38%
อย่างไรก็ตามยืนยันว่า การทำช็อร์ตเซล หรือ การใช้โปรแกรมเทรด เป็นไปตามปกติไม่ได้ทำให้เกิดภาวะตลาดติดลบอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ โดยทางตลาดหลักทรัพย์ได้มีการติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด
สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับลง 30 จุด ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นกันทั่วโลกไม่ใช่แค่ในตลาดหุ้นไทยเท่านั้นโดยเป็นผลจากปัจจัยภายนอก จึงอยากให้นักลงทุนดูข้อมูลจากความสามารถในการทำกำไรเป็นหลักของบริษัทจดทะเบียน เพราะบริษัทจดทะเบียนของไทยยังคงมีความแข็งแกร่ง
รวมไปถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นมีผลกระทบแค่บางอุตสาหกรรมเท่านั้น ที่เป็นอุตสาหกรรมที่พึ่งพาการส่งออก และตลาดโลกเป็นหลัก แต่มีบริษัทจดทะเบียนในบางอุตสาหกรรมบางธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบ จึงอยากให้วิเคราะห์ในเรื่องนี้ประกอบด้วย
รวมทั้งอยากให้มองภาพรวม และปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทยเป็นหลัก เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศไทยไม่มีอะไรที่น่ากังวล สถาบันการเงินมีความแข็งแกร่ง หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPLs ไม่ได้อยู่ในระดับสูง หนี้ต่างประเทศอยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งระดับหนี้สาธารณะไม่ได้อยู่ในระดับสูงเหมือนในหลายประเทศ
นอกจากนี้การลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยถือว่ามีความได้เปรียบกว่าหลายประเทศในภูมิภาคและยังสามารถรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจรวมไปถึงอุตสาหกรรม S curve
ทั้งนี้มองว่าหากสถานการณ์ต่างๆคลี่คลาย และไม่มีเหตุการณ์รุนแรงจากภายนอกประเทศเพิ่มขึ้น หรือขยายวงกว้าง ก็เชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นไทยจะกลับมาพลิกฟื้นได้รวดเร็วกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค แม้ในวันนี้จะปรับตัวลดลงแรงกว่าตลาดอื่นก็ตาม
ส่วนกรณีที่หุ้น IPO เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงนี้ราคาปรับตัวลงมาต่ำกว่าราคาจองนั้น เกิดจากภาวะตลาดหุ้นที่มีความไม่แน่นอนในระยะนี้ ซึ่งเกิดหลังการกำหนดราคาหุ้น IPO ไว้ก่อนหน้า ที่เป็นช่วงไม่มีปัจจัยเข้ามากระทบต่อตลาดหุ้น จึงทำให้มีราคาปรับลดลง