นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 3/2567 (ก.ค.-ก.ย.67) มองว่ายังดูมีความผันผวนอยู่บ้าง ทั้งปัจจัยในประเทศ ทั้งประเด็นความชัดเจนทางการเมือง และนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของของรัฐบาล รวมถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ ว่าจะปรับตัวไปในทิศทางใด
นอกจากนี้ คาดว่าการประกาศประจำไตรมาส 2/2567 ที่กำลังจะทยอยออกมา อาจหดตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากตามปกติไตรมาสสองของทุกปีจะเป็นโลวซีซันของบริษัทจดทะเบียน ทำให้ผลการดำเนินงานอาจจะย่อตัวลงตามปัจจัยฤดูกาล ขณะเดียวกันปัจจัยต่างประเทศยังต้องติดตามความคืบหน้าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ปัจจัยสงครามทั้งฝั่งตะวันออกกลางและยุโรป ตลอดจนสงครามการค้า
ทั้งนี้ แม้ว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี 2567 มูลค่ารวมสูงกว่า 1 แสนล้านบาท แต่หากมองให้ลึกลงไปจะเห็นว่าต่างชาติไม่ได้ขายหุ้นไทยออกไปทั้งหมดสะทีเดียว แต่ยังมีการกลับมาลงทุนหุ้นในหลายอุตสาหกรมเพิ่มเติม อาทิ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว หุ้นกลุ่มการแพทย์ หุ้นกลุ่มภาคบริการ เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับทางฝ่ายที่มองว่ากลุ่มหุ้นดังกล่าวค่อนข้างมีความน่าสนใจลงทุนในปีนี้เช่นเดียวกัน
โดยทางฝ่ายแนะนำทยอยลงทุนในหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและหุ้นกลุ่มการแพทย์ แนะนำ ได้แก่ ERW VRANDA SPA BDMS ซึ่งมองว่ากลุ่มนี้ยังได้รับอานิสงส์จากเงินบาทที่อ่อนค่า และการท่องเที่ยวที่้นตัวอย่างต่อเนื่อง และหุ้นกลุ่มค้าปลีก เช่น TU TFG BTG CPALL CPAXT ที่จะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ การอัดงบประมาณการลงทุนของภาครัฐ ทำให้การบริโภคและการจับจ่ายใช้สอยที่ดีขึ้นตาม
อย่างไรก็ดี คาดว่าในช่วงไตรมาส 4/2567 บรรยากาศการลงทุนจะเป้นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะกลับมาฟื้นตัวอยู่ที่ระดับเหนือกว่า 1,400 จุดได้ โดยในไตรมาส 3/2567 ทางฝ่ายคาดว่ากรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยจะอยู่ที่ระดับ 1,250-1,350 จุด