คลังจ่อรื้อบอร์ดก.ล.ต. เหตุทำงานไม่ประสานรัฐบาล

ก.ล.ต.อยู่ระหว่างเสนอแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ในส่วนว่า ด้วยการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้คณะกรรมการที่มีบทบาทหน้าที่ในการกำกับดูแลตลาดทุนมีองค์ประกอบ คุณสมบัติ และอำนาจหน้าที่ที่ชัดเจน

ซึ่งมีกระแสข่าวว่าการแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ เพื่อเพิ่มอำนาจในการตรวจสอบและลงโทษและสั่งฟ้องกรณีความผิดที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น ทั้งกรณีการทุจริตหุ้น การสร้างราคา หรือการตกแต่งบัญชีต่างๆ

นอกจากนั้นยังจะมีกระแสข่าวช่วงรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยที่ก.ล.ต. ไม่ได้มีมาตรการดูแลใดๆ โดยเฉพาะเลขาธิการ ก.ล.ต.คนใหม่ยังทำงานไม่เข้าขากับรัฐบาล จึงมีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนบอร์ดในส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหลังจากที่มีการส่งศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถไปนั่งเป็นประธานบอร์ดก.ล.ต.แล้ว

ทั้งนี้โครงสร้างบอร์ดก.ล.ต.นั้น ประธานกรรมการ จะถูกแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรีตามคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กรรมการโดยตำแหน่งจากภาครัฐ 3 คือ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย 

ส่วนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไม่น้อยกว่า 4 คนแต่ไม่เกิน 6 คน ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด และต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย การบัญชีและการเงิน

ปัจจุบันที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการปรับเปลี่ยนบอร์ดก.ล.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิ 4 คือ นายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย นายวิพุธ อ่องสกุล นายศุภมิตร เตชะมนตรีกุล และนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร

ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ขณะนี้้ตลาดทุนไทยอยู่ระหว่างการร่วมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะเร่งรัดการดำเนินคดีต่างๆ ให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะจากการศึกษาดูงานตลาดหลักทรัพย์ฯต่างประเทศหลายแห่งพบว่า การดำเนินคดีต่างๆ เพื่อลงโทษผู้กระทำผิดทำได้ค่อนข้างเร็ว

ทั้งนี้ภายในเดือนสิงหาคม 2567 ทางตลาดหลักทรัพย์และ 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีการเซ็นสัญญาบันทึกข้อตกลงร่วมกัน เพื่อช่วยกันหาหนทางในการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ก.ล.ต. มีอำนาจในการสั่งฟ้องคดีและดำเนินงานตามขั้นตอนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงร่วมกันปูรากฐานเกณฑ์ต่างๆ ให้มีความมั่นคงเพิ่มมากขึ้น

“ในการที่จะปรับเปลี่ยนหรือการแก้ไขกฎหมายใหม่นั้น มันทำไม่ได้ง่ายและต้องใช้ระยะเวลา เพราะยังมีภาวะรอบข้างที่เกี่ยวเนื่องต่างๆ ซึ่งต้องศึกษาและพยายามปิดช่องโหว่ทางกฎหมายให้ได้คลอบคลุมและมากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาอีก ถามว่าจะได้เห็นความชัดเจนเร็วมากน้อยแค่ไหนนั้น จึงยังตอบไม่ได้ กำหนดที่แน่นอนและชัดเจนไม่ได้” ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์กล่าว 

ในส่วนของศึกษาหลักเกณฑ์การให้ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่นำหุ้นไปค้ำประกันบัญชีมาร์จิน จำเป็นต้องมีการเปิดเผยข้อมูลว่ามีการนำหุ้นไปวางค้ำประกันจำนวนเท่าไร เพื่อให้นักลงทุนทราบและมีข้อมูลในการตัดสินใจการลงทุน ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาหลักเกณฑ์ ซึ่งในส่วนนี้ทาง ก.ล.ต. เป็นฝ่ายดูแลเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาการเปิดเผยข้อมูลธุรกรรมต่างๆ ต้องนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ (บอร์ดตลาด) เพื่อพิจารณาก่อน ถ้าอนุมัติต้องส่งเรื่องไปให้ก.ล.ต.เห็นชอบในหลักการต่อไป จากนั้นต้องเปิดรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบริษัทหลักทรัพย์ด้วย เบื้องต้นคาดว่าจะเห็นการประกาศใช้ภายในปี 2567 นี้

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,021 วันที่ 25 - 28 สิงหาคม พ.ศ. 2567