จากการผลักดันโครงการ “Entertainment Complex” หรือ สถานบันเทิงครบวงจร ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในประเทศ ส่งผลให้ตลาดมีความเชื่อมั่นต่อการพัฒนาโครงการ Entertainment Complex มากขึ้น หลังจากที่มีการประกาศลงทุนจาก “ราชตฤณมัยสมาคมฯ” มูลค่า 2 แสนล้านบาท
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการณผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการ “Entertainment Complex” โดยที่ธุรกิจที่วางในโครงการดังกล่าว เช่น คาสิโนถูกกฎหมาย สนามม้า โรงแรม 6 ดาว สนามกอล์ฟ ยอชต์คลับ ภัตตาคารหรู โรงพยาบาล การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ศูนย์การเรียนรู้ รวมถึงกิจกรรมกีฬาและความบันเทิงอื่นๆ
ทั้งนี้ กลไกก่อนที่โครงการจะเกิดขึ้นอาจต้องใช้เวลาอีกพอสมควร และภาพการลงทุนมีโครงการ Mixed Use ที่ยังไม่รวมโครงการกาสิโนที่รอข้อกฎหมายนำไปก่อน แต่หากมองแบบอนุรักษนิยมแล้วนั้นการลงทุนก็น่าจะเกิดขึ้นหลังจากการผ่านร่าง พ.ร.บ.กฎหมายควบคุมธุรกิจดังกล่าวยังอยู่ในช่วง Public Hearing
หลังจากนั้นจะต้องผ่านกระบวนการหลักๆ เช่น การเสนอร่างกฎหมายต่อ สส. และ สว. ทั้งสิ้น 3 วาระ จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาร่างกฎหมาย และราชกิจจานุเบกษาประกาศใช้กฎหมาย โดยมีขั้นตอนเฉพาะโครงการ เช่น การคัดเลือกผู้ประกอบการ หากขั้นตอนต่างๆ เดินหน้าต่อ
ทางฝ่ายประเมินว่าหากโครงการ “Entertainment Complex” ถูกผลักดันให้เกิดขึ้นได้จริง จะส่งอานิสงส์เชิงบวกกับหุ้นกลุ่ม Hospitality หรืออุตสาหกรรมภาคบริการ การท่องเที่ยว การขนส่งมวลชน เป็นต้น ซึ่งนี่อาจเป็นโอกาสที่จะทำให้ BTS มีช่องทางในการขยายธุรกิจใหม่ๆ เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปจากการเวนคืนสัมปทานรถไฟฟ้า
แต่อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าการลงทุนในโครงการ “Entertainment Complex” รัฐบาลจะเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามามีบทบาทในการลงทุนร่วมด้วย ซึ่งตอนนี้เชื่อว่าส่วนใหญ่กลุ่มทุนต่างชาติจะทราบเงื่อนไขการลงทุนไปกันเกือบหมดแล้ว เหลือแต่เพียงเอกชนไทยที่ยังไม่มีความชัดเจน
โดยเงื่อนไขในการลงทุนยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะออกมาเป็นสัญญาบริหารจัดการและการลงทุน หรือสัญญาสัมปทาน หรือใบอนุญาติ หรือการร่วมทุนคนละครึ่งกับภาครัฐ หรือสิทธิ์ในการเปิดให้บริการคาสิโน ซึ่งเป็นเรื่องที่ตอบได้ยากว่าข้อสรุปจะออกมาในทิศทางใด โดยหากว่ามาในรูปแบบของการสัมปทานก็เชื่อว่า สิทธิ์การสัมปทานจะมีจำนวนจำกัด
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หากอิงกรณีศึกษาจากมาเก๊า ที่เริ่มอนุญาตให้เอกชนลงทุน Entertainment Complex ช่วงปี 2000-2001 หลังทยอยสร้างแล้วเสร็จปี 2006-2011 ฝ่ายวิจัยพบว่านักท่องเที่ยวปี 2011 เพิ่มขึ้นจากปี 2005 ถึงราว 49.7% ทำให้เชื่อว่าโครงการดังกล่าว จะช่วยยกระดับภาคบริการไทยขึ้นจากจุดสูงสุดในอดีต ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไทยสูงสุดในปี 2019 ที่ 39.4 ล้านคน
โดยประเมินโครงการขนาดย่อยที่มีจำนวนมาก และภาพยอชต์คลับน่าจะเป็นจุดบ่งชี้สถานที่เป้าหมายได้ระดับหนึ่ง ว่าควรจะเป็นที่ดินขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำ โดยในส่วนกรุงเทพ ปัจจุบันที่ดินเข้าข่าย คือ ท่าเรือคลองเตย ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่และรัฐบาลมีแผนที่จะปรับปรุงอยู่แล้ว
กลุ่มหุ้นจึงให้น้ำหนักจิตวิทยาทางบวกต่อกลุ่มต่างๆ ดังนี้
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ทางฝ่ายมองว่าการที่ภาครัฐผลักดัน โครงการ “Entertainment Complex” จะเป็นบวกต่อหุ้น GRAMMY จากการลงทุน Concert Hall และกลุ่มท่องเที่ยว จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น เช่น AOT, AAV, ERW, CENTEL แต่หากก่อตั้ง Complex ใกล้สนามบินอู่ตะเภา คาดบวกต่อหุ้น BA, BTS, STEC
ในส่วน บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่า มองหุ้น 4 กลุ่ม ได้ประโยชน์ ได้แก่
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า มองหุ้นที่ได้ประโยชน์ ได้แก่
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองจะเป็นผลเชิงบวกต่อกลุ่มหุ้น ประกอบด้วย
แต่อย่างไรก็ดี ล่าสุด นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ทายาทเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เปิดเผยว่า ในปัจจุบันทางบริษัทยังไม่มีแผนจะไม่ร่วมทุนพัฒนาโครงการ Entertainment Complex ที่มีคาสิโน และไม่ได้ไปร่วมทุนกับโครงการของราชตฤณมัยสมาคมฯ
เนื่องจากตอนนี้ AWC ยังคงมีโครงการที่ต้องเร่งพัฒนาตามแผนงานอีกหลายโครงการ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ภายใต้โมเดลการผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพต่างๆ เพื่อจับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ และโมเดล Entertainment Complex ที่มีคาสิโน อาจจะยังไม่ได้ตรงกับโมเดลหรือคอนเซ็ปต์การลงทุนพัฒนาอสังหาฯ ของ AWC ซึ่งจะเน้นการลงทุนพัฒนาแอทแทรกชัน
การลงทุนแหล่งท่องเที่ยวเชิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ของ AWC จะเน้นเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ อาทิ กลุ่มครอบครัว และกลุ่มเดินทางเชิงธุรกิจมากกว่า โดยไม่ได้เตรียมว่าจะมีคาสิโนในโครงการของ AWC เพราะไม่ตรงกับจุดยืนและเป้าหมายที่ทางบริษัทวางแผนจะพัฒนาในอนาคต
ทั้งนี้ จากโผหุ้นที่เหล่านักวิเคาะห์คาดการณ์ว่าจะได้รับอานิสงส์จากการผลักดันโครงการ "Entertainment Complex" ฐานเศรษฐกิจ ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ณ วันที่ 30 ส.ค. 2567 พบว่า