นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ Head of Wealth Advisory ธนาคาร ทิสโก้ จำกัด (มหาชน)หรือ TISCO เปิดเผยว่า ทิศทางสังคมผู้สูงอายุของไทยไม่เพียงแต่จะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น แต่ผู้สูงอายุยังมีแนวโน้มที่มีอายุขัยยืนยาวมากขึ้น โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ปัจจุบันคนไทยมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 75 ปี และจะเพิ่มขึ้นอีกปีละ 4.4 เดือน
ประกอบกับการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้คาดการณ์ว่า คนไทยที่เกิดตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป จะมีอายุยืนถึง 100 ปี
ดังนั้น การวางแผนการเงินเพื่อใช้หลังเกษียณจึงมีความเสี่ยงรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Longevity Risk” หรือ ความเสี่ยงจากการที่คนมีอายุยืนยาวขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีต
ธนาคารทิสโก้จึงแนะนำให้ลูกค้าและคนไทยใช้ ‘ประกันบำนาญ’ เพื่อปิดความเสี่ยงอายุยืนแต่ไร้เงินใช้ เพราะเป็นอีกเครื่องมือทางการเงินหนึ่งที่ผู้วางแผนการเงินเพื่อการเกษียณสามารถสร้างกระแสเงินสดผ่านเงินบำนาญให้ผู้เอาประกัน ในขณะมีชีวิตอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่อายุ 60 - 99 ปี
ซึ่งผลประโยชน์ที่ได้รับก็จะไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจเหมือนการลงทุนประเภทอื่น จึงช่วยให้ผู้ซื้อประกันมีหลักประกันชีวิต นำมาซึ่งคุณภาพชีวิตหลังเกษียณที่ดีเป็นผลประโยชน์ขณะดำรงชีวิต (Living Benefit) อีกทั้งยังสามารถนำค่าเบี้ยมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงอีกด้วย
“ประกันบำนาญเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณ และควรเริ่มซื้อตั้งแต่อายุน้อยเพราะช่วยให้ค่าเบี้ยประกันที่จ่ายต่อปีก็จะน้อยกว่าเมื่อซื้อช่วงที่อายุมากแล้ว”
นอกจากนี้ ประกันบำนาญยังเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยบริหารจัดการภาษีช่วงปลายปี นอกจากการลงทุนลดหย่อนภาษีในรูปแบบ RMF, SSF และ THAIESG
โดยผู้ซื้อประกันบำนาญสามารถนำค่าเบี้ยมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี หรืออาจลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาทต่อปี กรณีที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิค่าลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไป ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด” นายณัฐกฤติกล่าว