ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ 5 ก.ย.2567 ปิดการซื้อขายภาคบ่ายที่ระดับ 1,404.28 จุด เพิ่มขึ้น 38.79 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 2.84% จุด ในช่วงระหว่างวันดัชนีพุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,406.49 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,371.49 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้นที่ 81,736.15 ล้านบาท
โดย 5 หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในวันนี้ ได้แก่
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม องกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ต้องยอมรับว่าจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก เพราะภายในวันเดียวเพิ่มขึ้นได้เกือบ 40 จุด ทะลุแนวต้าน 1,400 จุดไปเรียบร้อยแล้ว โดยที่มูลค่าซื้่อขายในวันนี้ที่ระดับกว่า 8 หมื่นล้านบาท นับว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่เปิดต้นปี 2567 เป็นต้นมา
โดยมองว่าด้วยปัจจัยเชิงบวกจากทั้งต่างประเทศและโดยเฉพาะในประเทศมารวมกันพอดีในวันนี้ ทำให้ความคาดหวังมาสะท้อนในตลาดหุ้นไทยวันนี้อย่างท่วมท้น ซึ่งปัจจัยในประเทศหลักๆ เป็นผลบวกมาจากการ Set-up รัฐบาลชุดใหม่ที่ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และเป็นช่วงจังหว่ะที่มีเม็ดเงินจากงบประมาณลงทุนให้พร้อมใช้งานได้ทันที และต้องเร่งเบิกจ่ายภายใน 30 ก.ย.นี้ กว่า 1.22 แสนล้านบาท
ซึ่งในนัดแรกที่จะได้เห็นเม็ดเงินออกมากระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อได้เลย คือ โครงการแจกเงินให้กับกลุ่มที่เปราะบาง ในช่วงสิ้นเดือนก.ย. 2567 นี้ ขณะเดียวกันจากการนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ที่อออกมาเผยว่า เร็วๆ นี้ กระทรวงการคลังจะออกหนังสือชี้ชวน เสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ประเภท ก. วงเงินรวม 1.5 แสนล้านบาท
โดยเปิดให้ประชาชนรายย่อยจองซื้อได้ ในช่วงวันที่ 16-20 ก.ย.67 และจากนั้นจะเปิดให้นักลงทุนสถาบัน จองซื้อได้ วันที่ 18-20 ก.ย.67 ซึ่งจะทราบผลการจัดสรรหน่วยลงทุนในวันที่ 23 ก.ย. และกองทุนรวมวายุภักษ์จะเริ่มเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67 เป็นต้นไป ด้านหน่วยลงทุนจะเข้าไปเทรดได้ไม่เกินวันที่ 10 ต.ค.67 นี้
สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังว่าจะมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาในตลาดทุนเพิ่ม และเข้ามาหนุนราคาหุ้นไทยให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ด้วยความคาดหวังทั้งหมดทำให้เกิดแรงซื้อสะสมหุ้นไทยกันอย่างคึกคักในวันนี้ เพื่อเป็นการดักรอผลประโยชน์จากปัจจัยเชิงบวกจากนโยบายการลงทุนของรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
นอกจากนี้ ด้วยความกังวลใจต่อเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงของฝั่งประเทศสหรัฐฯ ที่มีมากขึ้น ทำให้มองว่าโอกาสที่ธนาคารกลายสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยในรอบนี้มีเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มว่าค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่า ในขณะที่เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อไป หนุนให้เริ่มมีเม็ดเงินลงทุนกระจายมาฝั่งตลาดภูมิภาคเอเชียมากขึ้นในระยะนี้
สำหรับเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 2567 ทางฝ่ายยังคงมองไว้ที่แนวต้านสำคัญ 1,450 จุด โดยมองว่าหากดัชนีขึ้นไปแตะที่ระดับดังกล่าวได้นักลงทุนอาจต้องระวังเกิดแรงขายทำกำไรด้วย
กลยุทธ์การลงทุน หุ้นที่ได้ประโยชน์จากปัจจัยภายในประเทศ เช่น BAM TIDLOR GFPT CPALL CPAXT BJC OSP ICHI MEGA CBG SNNP DOHOME GLOBAL และยกระดับสินค้าเกษตรกร
รวมทั้งนโยบายเศรษฐกิจระยะยาว อย่าง Entertainment Complex ตลอดจนการกระตุ้นการท่องเที่ยว หุ้นที่ได้ประโยชน์ อาทิ AWC CENTEL MINT ERW CPN AOT
ขณะที่งบปี 2568 ราว 3.75 ล้านล้านบาท ที่กำลังจากผ่านการพิจารณา หุ้นที่ได้ผลบวก ได้แก่ CK STEC TASCO BBL SCC เป็นต้น