SET Index วันนี้ 24 ก.ย.67 แกว่งตัวกรอบจำกัด ระวังแรงขายหุ้นใหญ่

24 ก.ย. 2567 | 04:26 น.
อัพเดตล่าสุด :24 ก.ย. 2567 | 04:26 น.

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ 24 ก.ย.2567 เปิดตลาดอยู่โซนบวก 1,451.67 จุด โบรกมอง SET Index อ่อนกำลังลง แกว่งตัวกรอบจำกัด ระวังแรงขายทำกำไรหน้าหุ้นขนาดใหญ่ ประเมินกรอบดัชนีที่ 1,435-1,460 จุด

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ 24 ก.ย.2567 เปิดตลาดที่ระดับ 1,451.67 จุด ณ เวลาปัจจุบัน (11.10 น. ) อยู่ที่ระดับ 1,449.33 จุด เพิ่มขึ้น 1.43 จุด เปลี่ยนแปลง 0.10% ในช่วงระยะเวลาเปิดตลาดภาคเช้าดัชนีดีดตัวขึ้นทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,455.77 จุด และย่อตัวลงทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,447.59 มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 14,095.61 ล้านบาท

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ 24 ก.ย.67 ว่า คาดดัชนี SET Index การอ่อนกำลังลง ทำให้แกว่งตัวอยู่ในกรอบที่ค่อนข้างจำกัด และระมัดระวังการชะลอตัวลงตามแรงขายทำกำไรหน้าหุ้นขนาดใหญ่

ระยะสั้นมีสัญญาณอ่อนกำลังลงของ SET ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ กรรมการเฟด 3 คนให้ความเห็นเป็นบวกต่อการลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง กรรมการเฟด 3 ท่าน ได้แก่ ออสตัน กูลส์บี ประธานเฟดชิคาโก, ราฟาเอล บอสติค ประธานเฟดแอตแลนต้า และ นีล แคชคารี ประธานเฟดมินนีแอโพลิส แสดงความเห็นในงานบรรยายที่ต่างกัน

แต่ใจความสำคัญ คือ ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในปัจจุบันสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางมาก (อัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง หรือ Neutral rate หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ไม่ส่งเสริมการเติบโต แต่ก็ไม่ฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจ) ทำให้มีพื้นที่ให้เฟดสามารถลดดอกเบี้ยได้อีกหลายครั้งและลดได้เยอะต่อครั้ง

ความเห็นของกูลส์บีที่มองว่า 12 เดือนข้างหน้า มีหนทางยาวไกลที่เฟดจะลดดอกเบี้ยให้ใกล้กับดอกเบี้ยที่เป็นกลาง อย่างไรก็ดี มองว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะนักลงทุนเห็นและซึมซับล่วงหน้าไปแล้ว

ทำให้ตลาดมองว่าการลดดอกเบี้ยขนาดใหญ่ในระดับ 0.50% ต่อครั้ง มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นอีก และทำให้เห็นว่าเรากำลังเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ซึ่งมักจะเป็นบวกกับเศรษฐกิจ และราคาสินทรัพย์เสี่ยง ความเห็นกรรมการเฟดที่สนับสนุนภาพการลดดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นบวกกับบรรยากาศลงทุน

ทั้งนี้ การปรับขึ้นของหุ้นไทยและการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งทำให้ผลตอบแทนการลงทุนของต่างชาติสูงถึงราว 20% (หุ้น +13%, ค่าเงิน +7%) และอาจสูงกว่านั้นในหุ้นรายตัว ทำให้อาจต้องเริ่มระวังแรงทำกำไร แม้เราคงมุมมองบวกระยะกลาง-ยาวในหุ้นไทย แต่ระยะสั้นเริ่มเห็นสัญญาณการอ่อนกำลังลงใน SET50

จากการเฝ้าสังเกตการณ์หุ้นขนาดใหญ่ ใน SET 50 ในช่วงที่ผ่านมา จำนวนหุ้นที่มีภาพเป็นบวกเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย.67 หุ้นเป็นบวก จำนวน 48 ตัว ในระยะถัดมาช่วงวันที่ 20 ก.ย.67 มีจำนวนหุ้นเป็นบวกลดลงเหลือ 46 ตัว จนกระทั่งวานนี้ 23 ก.ย.67 หุ้นที่เป็นบวกมีจำนวนลดลงเหลือ 41 ตัว จะเห็นได้ว่าจำนวนหุ้นเป็นบวกทยอยปรับตัวลดลงเรื่อยๆ เข้ารอบปรับตัวพักฐาน

ดังนั้น ควรระวังแรงทำกำไรในหุ้นใหญ่ และการเข้าเก็งกำไรเน้นหุ้นขนาดกลางนอก SET50 ภาพรวมกลยุทธ์ เลือกเก็งกำไรรายตัว และระวังแรงขายทำกำไรหุ้นธนาคารและสื่อสารหลังหมดระยะเวลาขอใบอนุญาต Virtual Bank (19 ก.ย.) ขณะที่ระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นกลุ่มคล้ายพันธบัตร อาทิ ไฟฟ้า รีทส์ หลังผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อาจดีดตัวจากภาวะขายมากเกิน

แต่ภาพรวมการปรับตัวลงเป็นโอกาสสะสม ประเมินกรอบดัชนีไว้ที่แนวรับ 1,425-1,435 จุด และกรอบแนวต้านที่ระดับ 1,460 จุด แนะนำสัดส่วนลงทุน คือ เงินสด 40% และ พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ

  • SYNEX (ราคาเป้าหมาย 17.00 บาท) จากผลการดำเนินงานมีแรงส่งที่ดีจากการลงทุนเอกชน ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐกลับมาเป็นปกติทำให้คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์ อีกทั้งได้รับอานิสงส์จากเงินบาทแข็งค่า ทั้งนี้ ควรตัดขาดทุนที่ 14.70 บาท
  • TNP (ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท) สถานการณ์น้ำท่วมแม้ทำให้ต้องมีการปิด 4 สาขา แต่โดยรวมปิดเพียง 3-7 วัน และสามารกลับมาเปิดได้ตามปกติ ทำให้แทบไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ขณะที่บวกจากการบริโภคฟื้น และแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐ ตัดขาดทุน 3.50 บาท
  • VRANDA (ราคาเป้าหมาย 7) ผลการดำเนินงานปี 67 นี้ จะ turnaround โดยได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การไม่มีขาดทุนของธุรกิจอาหาร และการโอนโครงการอสังหาฯ อย่างไรก็ดี จุดที่ควรตัดขาดทุน 5.30 บาท

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

  • 26 ก.ย. Fed Chair Powell Speech
  • 27 ก.ย. US Inflation (PCE) (Aug)
  • 30 ก.ย. CN NBS Manufacturing PMI (Sep)