"อัสสเดช" ชูตลาดหุ้นไทยไตรมาส 4 เด่น กำไรบจ.หนุนฟันด์โฟลว์ไหลกลับไทย

10 ต.ค. 2567 | 09:42 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ต.ค. 2567 | 09:42 น.

"อัสสเดช คงสิริ" ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ มอง 3 เดือนสุดท้ายปี 67 ทิศทางสดใส ปัจจัยภายในประเทศยังเป็นบวก ลุ้น บจ. ประกาศงบไตรมาส 3/67 เติบโต หนุนหันด์โฟลว์ไหลกลับเข้าไทยต่อเนื่อง ด้านการมาของวายุภักษ์-TESG หนุนปลายปี คาดหวังวอลุ่มตลาดหุ้นปีนี้ยืนเหนือ 6 หมื่นล้าน

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการ และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า สำหรับในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 67 มองว่าบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทย (SET Index) ยังมีทิศทางที่ดี โดยปัจจัยหลายอย่างในประเทศยังเป็นบวก ทั้งในเรื่องของนโยบายการลงทุน การกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ

ซึ่งในมุมมองของตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงสัปดาห์หน้า (14-18 ต.ค.67) จะเริ่มมีการทยอยประกาศงบไตรมาส 3/67 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ออกมา โดยเท่าที่ได้ฟังมาจากหลายๆ ส่วนที่เกี่ยวข้องก็คาดว่าทิศทางน่าจะออกมาดีอย่างต่อเนื่อง 

แต่สำคัญที่สุดในวันนี้ คือในเรื่องของปัจจัยภายนอก เพราะมีทั้งที่เป็นบวกและลบ โดยจากการที่ประเทศจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี ต้องมาดูว่ากระทบต่อบางธุรกิจของไทยจะเป็นอย่างไร ในแง่ใดบ้าง และมากน้อยแค่ไหน

ขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งฝั่งตะวันออกกลางนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตารอดู เพราะอาจเป็นแรงหนุนที่ทำให้นักลงทุนอาจปิดความเสี่ยงหรือเอาเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยก่อนได้ โดยแนะนำนักลงทุนควรดูข้อมูล และต้องมีการวิเคราะห์สิ่งเหล่านี้ให้ครบถ้วน

ด้านฟันด์โฟลว์ของตลาดหุ้นไทยนั้น คาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 67 นี้ จะปรับตัวดีขึ้นหรือทรงตัวจากเดือนที่ผ่านมาได้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีปัจจัยที่เห็นชัดเจนว่าจะทำให้ปริมาณฟันด์โฟลว์ต่างชาติลดลง มองว่าความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยก็ยังมีอยู่

ในส่วนของการมาของกองทุนวายุภักษ์นั้น ในตอนนี้ยังอยู่ในช่วงการเริ่มต้นลงทุน มูลค่าระดมทุน 150,000 ล้านบาท มองว่าหลังจากนี้เม็ดเงินก็คงทยอยใส่เข้ามามากขึ้น

ส่วนด้านกองทุน TESG คาดว่าโมเมนตัมกำลังเริ่มมา เพราะเข้าใกล้ช่วงสิ้นปีนี้แล้ว ซึ่งคนจะต้องบริหารจัดการในการลงทุนมากขึ้น โดย ตลท.และสมาคม บริษัทหลักทรัพย์ (บลจ.) ก็มีการทำงานร่วมกันมากขึ้น และให้ความรู้กับผู้ลงทุนมากขึ้น เพื่อจะเสริมสร้างความสนใจ

นอกจากนี้ ในเรื่องการเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็มีการนัดพบกับทางสมาคม บลจ. ไปเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งจากการหารือร่วมกันก็ได้แนวทางในการสนับสนุนให้มีกองทุนใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ESG ให้มากขึ้น และให้ บลจ. มีการนำข้อมูลมาวิเคราะห์และเผยแพร่ให้ผู้ลงทุนมากขึ้น

สำหรับมูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่มฯ) เฉลี่ยต่อวันของ SET และ mai ในปี 67 นี้ มีโอกาสที่จะเติบโตดีกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ที่เฉลี่ยระดับ 53,331 ล้านบาท/วัน หลังจากในที่ในช่วงเดือนก.ย.67 ที่ผ่านมาวอลุ่มตลาดปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 62,503 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 26% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ซึ่งก็มีความคาดหวังว่าด้วยปัจจัยในประเทศที่ยังเป็นบวกจะหนุนให้ในช่วงที่เหลือของปีนี้วอลุ่มตลาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือทรงตัวในระดับดังกล่าวไว้ได้ต่อไป

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวเสริมว่า ทิศทางฟันด์โฟลว์ต่างชาติคาดว่าจะยังมีทิศทางไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากกำไรบจ.ไตรมาส 3/67 ออกมาเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งมองว่าตามปกติแล้วกำไร บจ. มักจะสอดคล้องกับตัวเลขจีดีพี