กนง.หั่นดอกเบี้ย ตลาดหุ้นไทยดีด 19.98 จุด ฟันด์โฟลว์กลับเข้าซื้อ 4.2 พันล้าน

16 ต.ค. 2567 | 11:25 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ต.ค. 2567 | 11:27 น.

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ 16 ต.ค.67 ปิดที่ระดับ 1,485.01 จุด เพิ่มขึ้น 19.98 จุด กวาดมูลค่าซื้อขายไป 7.72 หมื่นล้าน พบฟันด์โฟลว์กลับเข้าซื้อสุทธิ 4.2 พันล้าน หลังขายมาต่อเนื่อง 14 วันทำการ โบรกคาดสิ้นปีนี้ SET Index มีลุ้นทดสอบแนวต้าน 1,540 จุด

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) วันนี้ 16 ต.ค.67 ปิดตลาดที่ระดับ 1,485.01 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.98 จุด เปลี่ยนแปลง 1.36% ในช่วงระหว่างวันดัชนีดีดตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,488.59 จุด และย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,461.12 จุด มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 77,221.07 ล้านบาท

สรุปมูลค่าการซื้อขายแบ่งตามประเภทนักลงทุนในวันนี้ พบว่า กลุ่มสถาบัน บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุนต่างประเทศ มีสถานะซื้อสุทธิ รวมมูลค่า 8,120.64 ล้านบาท แบ่งเป็น 2,239.90 ล้านบาท, 1,680.05 ล้านบาท และ 4,201.29 ล้านบาท ตามลำดับ 

โดยการกลับเข้าซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศในวันนี้ นับว่าเป็นการกลับเข้าซื้อครั้งแรก ในรอบ 14 วันทำการ ของต่างชาติ หลังจากที่ทยอยขายมาอยาางต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.67 เป็นต้นมา มูลค่ารวมกว่า 24,209.02 ล้านบาท

ขณะที่กลุ่มนักลงทุนในประเทศ เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่มีสถานะขายสุทธิ 8,120.64 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ

 

  • JMT ราคา 21.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.40 บาท เปลี่ยนแปลง 15.57% มูลค่าซื้อขาย 2,938.23 ล้านบาท
  • ADVANC ราคา 287.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท เปลี่ยนแปลง 2.50% มูลค่าซื้อขาย 2,685.83 ล้านบาท
  • KTB ราคา 21.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท เปลี่ยนแปลง 0.46% มูลค่าซื้อขาย 2,547.19 ล้านบาท
  • BBL ราคา 153.50 บาท ลดลง 3.50 บาท เปลี่ยนแปลง 2.23% มูลค่าซื้อขาย 2,533.46 ล้านบาท
  • DELTA ราคา 124.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท เปลี่ยนแปลง 1.64% มูลค่าซื้อขาย 2,508.76 ล้านบาท

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%ต่อปี มีผลทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับระดับลดลงจาก 2.50% ต่อปี มาสู่ 2.25%ต่อปีนั้น

มองว่าจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจประเทศไทยเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในปี 67 คาดว่า GDP ไทยจะขยายตัวได้ที่ประมาณ 2.4-2.5% และในปี 68 อัตราการเติบโตของตัวเลข GDP ก็มีความเป็นไปได้ที่จะแตะระดับ 2.9-3% ดังนั้น คนจึงใส่ความคาดหวังต่อเศรษฐกิจที่ดีเข้ามาในตลาดหุ้นไทย

ด้วยมีความหวังว่าตลาดจะดีขึ้น EPS ปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในครั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าไม่ได้แปลกใจมากนัก แต่เป็นแรงที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับตลาดหุ้นไทย (SET Index) ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ช่วยเปิด Upside ให้กับตลาดในช่วงภาคบ่ายของวันนี้

โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงนั้น มองว่าจะเป็นผลบวกต่อกลุ่มหุ้นไฟแนนซ์ เพราะจะทำให้ต้นทุนทางการเงินต่ำลง ลูกหนี้มีรายได้ที่ดีขึ้น ก็เพิ่มศักยภาพในการชำระหนี้ที่ดีขึ้นตาม และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จิตวิทยาเชิงบวก ดอกเบี้ยถูกลง ยอดขายที่พักอาศัยจะดีขึ้น แบงก์มีแนวโน้มที่จะปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น

ในขณะที่กลุ่มแบงก์เองอาจได้รับผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพราะจะทำให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับตัวลดลง เมื่อความได้เปรียบของ NIM ลดลง แน่นอนว่าไม่เป็นผลดีกับกำไร

สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยมองว่าการขึ้นมายืนเหนือระดับแนวต้านที่ 1,480 จุด ค่อนข้างเต็มมูลค่าพื้นฐาน ของการปรับลดดอกเบี้ยลง 1 ครั้งในปีนี้แล้ว และคาดว่าสิ้นปี 67 มีลุ้นได้เห็นการขึ้นไปทดสอบที่แนวต้าน 1,540 จุด ส่วนแนวรับประเมินกรอบไว้ที่ระดับ 1,460 จุด

ในแง่ของผลกระทบต่อค่าเงินบาทนั้น คาดว่าดอกการลดอัตราดอกเบี้ยลงอาจมีผลทำให้เงินบาทอ่อนค่า แต่ก็เป็นเพียงในระยะสั้นเท่านั้น อีกพักหนึ่งก็จะเริ่มกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง

ส่วนกระแสเงินทุนต่างชาติ คาดว่าในระยะสั้นอาจเห็นการกลับเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทย แต่ถ้าจะมีสัญญาณการกลับมาชัดเจนอาจต้องรอให้กลับการเลือกตั้งสหรัฐฯ ผ่านพ้นไปก่อน