นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์และเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจระยะ 6 ปีข้างหน้า (2568-2573) ใหม่ โดยจะลดสัดส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ที่มาจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับถ่านหินให้ต่ำกว่า 50% ภายในปี 2573
โดยบริษัทวางงบประมาณลงทุนในระยะ 6 ปีต่อจากนี้ไว้ที่ไม่น้อยกว่า 3,000-3,500 ล้านดอลลาร์ หรือตกเฉลี่ยประมาณ 500-600 ล้านดอลลาร์/ปี ทั้งนี้ บริษัทจะแบ่งสัดส่วนการใช้งบลงทุนออกเป็นกว่า 60% รองรับในการลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และโรงไฟฟ้า ในขณะที่อีก 40% ที่เหลือใช้รองรับการลงทุนในธุรกิจโซลาร์และแบตเตอรี่
พร้อมกันนี้ บ้านปูยังคงมีความสนใจในการลงทุนเหมือนแร่ใหม่ๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เช่น เหมือนแร่ทองคำ ทองแดง เงิน ลิเทียม และ นิกเกิล เป็นต้น ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน และหาช่วงจังหวะเวลาที่มีความเหมาะสมในการลงทุน
สำหรับราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินในปี 2568 และอนาคตอันใกล้ มองว่ายังคงทรงตัวในระดับที่ใกล้เคียงปัจจุบันหรืออาจบวกลบเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ดี ด้วยความต้องการใช้พลังงานยังคงมีอยู่ทำให้มองว่าด้วยพลังงานก๊าซธรรมชาติและถ่านหินเป็นต้นทุนที่ถูกในการผลิตพลังงานทำให้เชื่อว่าราคาจะยังคงมีแนวโน้มที่เป็นบวกอยู่
"มองภาพไปในอนาคตแม้ถ่านหินจะเป็นเหมือน DNA ของคนรุ่นเก่าของบ้านปู และความต้องการใช้งานยังคงมีอยู่ แต่มันถึงเวลาแล้วที่เราต้อง Move on แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะเลิกกิจการถ่านหิน เพียงแต่จากนี้ไปตั้งแต่กระบวนการผลิตถ่านหินไปจนถึงกระบวนการระหว่างทางจะต้องลดปริมาณคาร์บอนและลดการปล่อยมลพิษให้ได้มากที่สุด"
เพื่อสร้างโซลูชันพลังงานใหม่ที่ยั่งยืน ‘Energy Symphonics’ สื่อถึงแนวทางผสานพลังงานที่หลากหลาย ตอบสนองต่อความต้องการพลังงานของโลกที่เพิ่มสูงขึ้น พร้อมไปกับการดูแลโลกของเรา ซึ่งบ้านปูมีความมุ่งมั่นที่จะแก้โจทย์ความท้าทายด้านพลังงาน และสร้างมาตรฐานใหม่เพื่อพลังงานที่มีใช้อย่างต่อเนื่อง ราคาสมเหตุสมผล และมีความยั่งยืน
ทั้งนี้ กลยุทธ์ใหม่ของบ้านปูมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน โดยมุ่งเน้นที่ 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่
กลยุทธ์ของบ้านปูเน้นรักษาสมดุลและตอบ 3 โจทย์ของพลังงาน (Energy Trilemma) ได้แก่
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3/2567 บ้านปูมีความคืบหน้าทางธุรกิจที่สำคัญ ได้แก่
นอกจากนี้ ในไตรมาสที่ 3/2567 บ้านปูมีรายได้จากการขายรวม 1,339 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 46,597 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA รวม 379 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 13,204 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิจำนวน 24 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 830 ล้านบาท จากราคาตลาดของถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง และการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากอัตราแลกเปลี่ยน จากการแข็งค่าของเงินสกุลบาทต่อเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ
“ไม่ว่าเราจะต้องประสบกับความท้าทายของตลาดพลังงานที่ผันผวน บ้านปูเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ Energy Symphonics จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ สร้างคุณค่าระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น ในขณะที่ยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม รวมถึงการดูแลโลกใบนี้”