Liberator ชี้รัฐกระตุ้นเศรษฐกิจหนุน SET วันนี้ฟื้นตัว กรอบ 1,440-1,465 จุด

19 พ.ย. 2567 | 02:57 น.
อัปเดตล่าสุด :19 พ.ย. 2567 | 02:57 น.

บล.ลิเบอเรเตอร์ คาด SET วันนี้ 19 พ.ย.67 ฟื้นตัว ในกรอบ 1440-1465 จุด ภาพ GDP ไตรมาส 3/67 ไทยที่ดีกว่าคาด ผสานกับโอกาสในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มช่วงโค้งสุดท้ายของปี กระตุ้นจิตวิทยาเชิงบวกต่อการลงทุนมากยิ่งขึ้น กลยุทธ์เน้นสะสมหุ้นพื้นฐานดี ที่ผลงานกำลังฟื้นตัว แนะ OSP

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ 19 พ.ย.67 ฟื้นตัว ในกรอบ 1440-1465 จุด โดยปัจจัยในประเทศนั้น วานนี้ (18 พ.ย.67) สภาพัฒน์ฯ รายงานเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 3/67 ขยายตัว 3.0% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน

และเร่งขึ้นจากไตรมาส 2/67 ที่ 2.2% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และมากกว่าคาดที่ 2.4% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยพบว่าการลงทุนภาครัฐฯกลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ การส่งออกสินค้าและบริการ และการอุปโภคภาครัฐฯขยายตัวในเกณฑ์สูง การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนชะลอตัว ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนลดลง 

โดยรวม 9 เดือนแรกเศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.3% โดยสภาพัฒน์ฯ คาดว่าเศรษฐกิจในปี 67 นี้ จะขยายตัวในระดับ 2.6% ดีขึ้นจากปีที่แล้วที่ 1.9% โดยปรับเพิ่มการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาครัฐฯ และการส่งออกมากยิ่งขึ้น ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนปรับลดลง

ส่วนด้านเงินเฟ้อคาดที่ 0.5% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลที่ 2.5% ของ GDP ขณะที่ภาพปีหน้า คาด GDP ไทยจะขยายตัว 2.3-3.3% หนุนจากการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายภาครัฐฯ การขยายตัวของอุปสงศ์ภาคเอกชน และการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว

ส่วนวันนี้แนะติดตามประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยคาดคลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะสั้น กลาง และยาว เช่นการแจกเงินให้กลุ่มผู้สูงอายุเพิ่มเติม, การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยอาจใช้แหล่งเงินทุนจากการลดเงินส่งเข้า FIDF ของธนาคารพาณิชย์, ส่งเสริมการมีบ้าน และการปรับขึ้นค่าแรง ซึ่งคาดกระตุ้นจิตวิทยาเชิงบวกต่อการลงทุนมากขึ้น

ปัจจัยที่ต้องจับตา

19 พ.ย.

  • ยอดการเริ่มสร้างบ้านสหรัฐฯ
  • การอนุญาตก่อสร้างสหรัฐฯ 
  • ดัชนี CPI ยูโรโซน, ประชุมมาตรการกระตุ้น
  • เศรษฐกิจของไทย

20 พ.ย.

  • สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์สหรัฐฯ
  • Loan Prime Rate ของจีน

หุ้นเด่นแนะนำ

  • OSP ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 26.75 บาท คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 กลับมาฟื้นตัวทั้งจากไตรมาสก่อน และจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน จากกำลังซื้อที่คาดจะปรับตัวขึ้น โดยมีการทยอยออกสินค้าใหม่ นอกจากนี้ยังคาดผ่านพ้นแรงกดดันจากการตั้งด้อยค่าต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ไตรมาส 4/67 จะมีกำไรพิเศษเพิ่มเติมจากการขายโรงงานขวดแก้วราว 130 ล้านบาท ผสานกับ Valuation ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ไม่แพงเมื่อเทียบอดีต เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม
  • WHA ยังมีมุมมองเชิงบวกจากการลงทุนในไทยปี 67 ที่มีทิศทางที่ดีขึ้น สอดคล้องกับมูลค่า FDI ปี 66 ที่เติบโตกว่า 73% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยนักลงทุนจีนเข้ามาสูงสุด จากอุตสาหกรรม EV บริษัทตั้งเป้าปีนี้ธุรกิจโลจิสติกเพิ่มอีก 2 แสน ตร.ม. ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม จะขยายเพิ่มอีก 2,070 ไร่ รวมทั้งจะมีการขยายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์รวม 2.13 แสน ตร.ม.
  • SGC ราคาเป้าหมาย 1.96 บาท คาดกำไรครึ่งหลังปี 67 จะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการเติบโตของโครงการ SG Finance+ ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อมือถือที่สามารถล็อกได้หากผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้ NPL Ratio อยู่ในระดับต่ำ ผสานกับการปลดล็อกการเพิ่มทุน จะหนุนให้ SGC ผ่อนคลายดอกเบี้ยจ่าย และมีเม็ดเงินเพิ่มเติมในการปล่อยสินเชื่อ หนุนปี 68 กำไรจะเติบโตแบบก้าวกระโดด 
  • BH คาดกำไรไตรมาส 3/67 ยังคงเติบโตโดดเด่น จากการเข้าสู่ช่วง High Season โดยคาดผู้ป่วยจากตะวันออกกลางยังปรับตัวขึ้นดี ขณะที่ประเด็นของคูเวต คาด BH มีโอกาสถูกเลือกเป็น 1 ใน 3 โรงพยาบาลในไทยที่รัฐบาลคูเวตสนับสนุน ภาพระยะกลาง คาดได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่ในภูเก็ตในช่วงปี 69
  • AOT คาดกำไรในช่วง ก.ค.-ก.ย. 67 จะขยายตัวได้จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ตามรายได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ในฝั่งรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบินอาจลดลงเล็กน้อย จากการยกเลิกร้าน Duty Free ขาเข้าตั้งแต่ ส.ค. 67 ในระยะสั้นคาดมีปัจจัยบวกจาก Golden week หนุนนักท่องเที่ยวจีนสูงขึ้น และการเดินหน้าต่อในช่วงปลายปีคาดนักท่องเที่ยวจะเร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาล ขณะที่ Upside อาจมาจากมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐฯ
  • CPALL คาดแนวโน้มไตรมาส 3/67 เติบโตจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่ลดลงจากไตรมาสก่อน ตามฤดูกาล โดย SSSG ของ CPALL ในช่วงไตรมาส 3/67 คาดยังคงเติบโต 2.5% แข็งแกร่งกว่ากลุ่มค้าปลีก โดยได้แรงหนุนจากการบริโภคที่ขยายตัว ผสานกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ ที่เป็นแรงขับเคลื่อนเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งต่อไปยังแนวโน้มไตรมาส 4/67 ที่จะกลับมาเร่งขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อน และจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน 
  • ITC คาดกำไรไตรมาส 3/67 ที่ 1,019 ล้านบาท เติบโต 58% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน ยังขยายตัวจากราคาวัตถุดิบที่ลดลง แม้ว่าค่าเงินบาทในช่วงไตรมาส 3/67 จะอ่อนแอกว่าคาดก็ตาม (แต่มีการล็อกค่าเงินบาทไว้แล้ว) ภาพรวมการดำเนินงานยังขยายตัวได้ต่อเนื่องตามการขยายตลาดใหม่ๆ และการส่งออกที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้
  • MTC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ที่ 1,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และเติบโต 3% จากไตรมาสก่อน ทำจุดสูงสุดใหม่ แรงหนุนจากพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัว 3% จากไตรมาสก่อน และ 15% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ผสานกับคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยหนี้ Stage 2 ลดลงสู่ระดับ 8% ของสินเชื่อรวม จาก 9% ในไตรมาส 2/67 และอัตราส่วน NPL ลดลงสู่ระดับ 2.82% จาก 2.88%
  • DOHOME ราคาเป้าหมาย 12 บาท แนวโน้มยอดขายสาขาเดิมในช่วงเดือน ต.ค. และ พ.ย. มีทิศทางขยายตัว หนุนโอกาส SSSG ในช่วงไตรมาส 4/67 พลิกกลับมาเป็นบวก แรงหนุนจากเงินเบิกจ่ายภาครัฐฯที่กลับมาเร่งตัวขึ้น ผสานการซ่อมแซมบ้าน หลังผ่านพ้นเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงไตรมาส 3/67 อีกทั้งยังคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นก็มีแนวโน้มขยายตัวขึ้น กว่าในช่วงไตรมาส 3/67 จากราคาเหล็กที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น