นายธีระ ทองวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปี 68 คาดว่าจะทรงตัวคล้ายกับปี 67 เพราะปัจจัยทั้งการปล่อยสินเชื่อบ้านใหม่ที่แบงก์ยังคงให้ความรัดกุมอยู่ ส่งผลให้ยอดการปฎิเสธสินเชื่อยังอยู่ในอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดดควิด-19 ระบาด
รวมถึงกำลังซื้อและเศรษฐกิจที่อาจฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้การขายบ้านในปี 68 ยังคงมีความท้าทาย แต่อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้มีการมาสือถามข้อมูลจากผู้ประกอบการอสังหาฯ เพื่อนำมาวางแผนส่งเสริมหรือกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ให้กลับมามีการฟื้นตัวที่ขึ้น เบื้องต้นก็คาดหวังว่าจะได้เห็นนโยบายออกมาในไตรมาส 1/68 นี้
"มองว่าในปี 68 ภาครัฐก็อาจมีมาตรการใหม่ๆ เข้ามาช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวให้กับภาคอสังหาฯ ที่มากขึ้น รวมถึงการคลายล็อกส่วนของมาตรการ LTV หลังจากที่ผ่านมาภาคอสังหาฯ ซบเซามาพอสมควรแล้ว ในปี 67 แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจมีสัญญาการฟื้นัตวที่ดีขึ้นแล้ว ความต้องการซื้อที่พักอาศัยยังคงมีอยู่จำนวนมาก แต่ด้วยการรัดกุมของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อทำให้ยอดขายบ้านในปีนี้จึงไม่ได้ดีเท่าที่ควร ส่วนแผนงานปี 68 ของ PSH คาดว่าจะได้เห็นข้อสรุปในปลายปี 67 นี้"
สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 4/67 มองว่ายอดขายจะมีการเติบโตที่ดีขึ้นทั้งเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ โดยนับตั้งเดือนต.ค.-พ.ย.67 ยอดการเยี่ยมชมโครงการมีอัตราการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นกว่า 20%
ในขณะเดียวกันก็คาดว่าการแข่งขันในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะยังคงสูงอยู่ เพราะผู้ประกอบการจะมีการนำเอาสินค้าสร้างเสร็จพร้อมขาย (Inventory) ที่มีอยู่ในมือออกมาระบาย และจัดแคมเปญและโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อที่พักอาศัยกันมากขึ้น
ปัจจุบัน PSH มียอดขายรอการโอนกรรมสิทธิ์ในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท คาดว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งจะสามารถทยอยโอนและรับรู้เข้ามาเป้นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ สำหรับ Inventory ที่มีในมือปัจจุบันอยู่ที่ราว 4,000 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนกว่า 40-50% เป็นสินค้าระดับ 3-5 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะระบายสต๊อกต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 4/67 เป็นต้นไป และคาดว่าน่าจะหมดภายในไตรมาส 1/68 และตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 เป็นต้นไป บริษัทวางแผนจะพัฒนาโครงการใหม่ซึ่งจะมุ่งเน้นที่กลุ่มลูกค้าระดับ 7-15 ล้านบาทขึ้นไป ให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าทั้งปี 2567 จะรายได้จะอยู่ที่ระดับ 18,000 ล้านบาท และยอดขาย (Presale) ในปี 2567 จะอยู่ที่ระดับ 15,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายล่าสุดที่ปรับลงจากก่อนหน้านี้ สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลง 20%