Liberator มองเข้าช่วงท้ายปี เดือนธ.ค. ตลาดหุ้นไทยยังมีความหวัง

02 ธ.ค. 2567 | 03:24 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ธ.ค. 2567 | 03:24 น.

บล.ลิเบอเรเตอร์ คาด SET วันนี้ 2 ธ.ค.67 แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,420-1,440 จุด เข้าช่วงสุดท้ายของปี ยังมีความหวัง จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเม็ดเงินกองทุนพยุง กลยุทธ์ย่อตั้งรับหุ้นอิงเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวที่ Valuation ยังไม่แพง วันนี้แนะนำ COCOCO

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ 2 ธ.ค.67 มองว่า SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,420-1,440 จุด เข้าสู่ช่วงเดือนสุดท้ายของปี คาดปริมาณการซื้อขายอาจจะเบาบางลงเนื่องจากเป็นเดือนที่มีวันหยุดเยอะ

แต่อย่างไรก็ดียังคงมีหลายปัจจัยให้ติดตาม ทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งสัปดาห์นี้จับตาการรายงานดัชนี PMI & ISM ภาคการผลิตและบริการทั่วโลก รวมทั้งตัวเลขสำคัญภาคแรงงานสหรัฐฯ ทั้ง JOLTS Job openings ในวันอังคาร, การจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ในวันพุธ, ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ในวันพฤหัส และปิดท้ายด้วยการจ้างงานนอกภาคเกษตร US & อัตราการว่างงาน US ในวันศุกร์

ส่วนด้านการประชุมธนาคารสำคัญ เดือนนี้มีหลายแห่งนำโดย 12 ธ.ค. ECB, 17-18 ธ.ค. FED, 18 ธ.ค. กนง., 19 ธ.ค. BOE และ 18-19 ธ.ค. BOJ โดยไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การประชุม FED ซึ่งตลาดยังคาดหวังลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ก่อนปีหน้าอาจไม่เร่งลดดอกเบี้ย เนื่องจากมีความกังวลต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯที่อาจสูงขึ้น

ส่วนปัจจัยในประเทศ ยังคงรอคอยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโค้งสุดท้ายของปี โดยเฉพาะมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค ซึ่งอาจเป็นแรงหนุนเพิ่มเติมต่อตลาด ขณะที่เม็ดเงินกองทุนที่อิงกับการลดหย่อนภาษีช่วงปลายปี ก็คาดจะเป็นอีกแรงหนุนที่เข้ามาช่วยพยุง

โดยกลยุทธ์เรายังคงเน้นการย่อตั้งรับหุ้นที่อิงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ที่ Valuation ยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ เช่น กลุ่มค้าปลีก, ไฟแนนซ์, เครื่องดื่ม, นิคมอุตสาหกรรม และโรงพยาบาล

ปัจจัยที่ต้องจับตา

02 ธ.ค.67

  • ดัชนี PMI ภาคการผลิตของไทย & สหรัฐฯ & ยูโรโซน & ญี่ปุ่น
  • ดัชนี ISM ภาคการผลิตของ สหรัฐฯ 
  • ดัชนี Caixin PMI ภาคการผลิตของจีน

03 ธ.ค.67

  • JOLTS Job openings

หุ้นเด่นแนะนำ

COCOCO ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 13.40 บาท คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 ลุ้นฟื้นตัวทั้งจากไตรมาสก่อนและจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน แรงหนุนจากยอดส่งออกน้ำมะพร้าวที่ขยายตัวเด่นต่อเนื่อง สอดคล้องกับการเพิ่มการผลิตในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งทิศทางค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าเมื่อเทียบกับในช่วงปิดในช่วงสิ้นไตรมาส 3/67 ส่วนกำไรปีหน้ายังคาดเติบโตเด่น 42% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ตามการขยายกำลังการผลิต และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ผสานกับรอบนี้คาดจะได้รับเลือกให้เข้าดัชนี SET100 เพิ่มจิตวิทยาเชิงบวก

SGC ราคาเป้าหมาย 1.96 บาท คาดกำไรครึ่งหลังปี 67 จะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการเติบโตของโครงการ SG Finance+ ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อมือถือที่สามารถล็อกได้หากผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้ NPL Ratio อยู่ในระดับต่ำ ผสานกับการปลดล็อกการเพิ่มทุน จะหนุนให้ SGC ผ่อนคลายดอกเบี้ยจ่าย และมีเม็ดเงินเพิ่มเติมในการปล่อยสินเชื่อ หนุนปี 68 กำไรจะเติบโตแบบก้าวกระโดด 

MTC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ที่ 1,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และเติบโต 3% จากไตรมาสก่อน ทำจุดสูงสุดใหม่ แรงหนุนจากพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัว 3% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 15% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ผสานกับคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยหนี้ Stage 2 ลดลงสู่ระดับ 8% ของสินเชื่อรวม จาก 9% ในไตรมาส 2/67 และอัตราส่วน NPL ลดลงสู่ระดับ 2.82% จาก 2.88%

AP ราคาเป้าหมาย 11.5 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/67 จะขยายตัวทั้งจากไตรมาสก่อน และจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ทำจุดสูงสุดของปี จากการรอโอน backlog ในไตรมาส 4 ที่สูงราว 1.18 หมื่นล้านบาท ผสานแผนเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 4/67 กว่า 13 โครงการ มูลค่าราว 1.8 หมื่นล้านบาท ส่วนภาพปี 68 คาดกลับมาเติบโตได้ 9% Valuation ปัจจุบันเทรด PE2025 ที่เพียง 4.8 เท่า ขณะคาดอัตราปันผลสูงราว 7% ต่อปี  

DOHOME ราคาเป้าหมาย 12 บาท แนวโน้มยอดขายสาขาเดิมในช่วงเดือน ต.ค. และ พ.ย. มีทิศทางขยายตัว หนุนโอกาส SSSG ในช่วงไตรมาส 4/67 พลิกกลับมาเป็นบวก แรงหนุนจากเงินเบิกจ่ายภาครัฐฯที่กลับมาเร่งตัวขึ้น ผสานการซ่อมแซมบ้าน หลังผ่านพ้นเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงไตรมาส 3/67 อีกทั้งยังคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นก็มีแนวโน้มขยายตัวขึ้น กว่าในช่วงไตรมาส 3/67 จากราคาเหล็กที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น

WHA ยังมีมุมมองเชิงบวกจากการลงทุนในไทยปี 67 ที่มีทิศทางที่ดีขึ้น สอดคล้องกับมูลค่า FDI ปี 66 ที่เติบโตกว่า 73% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยนักลงทุนจีนเข้ามาสูงสุด จากอุตสาหกรรม EV บริษัทตั้งเป้าปีนี้ธุรกิจโลจิสติกเพิ่มอีก 2 แสน ตร.ม. ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม จะขยายเพิ่มอีก 2,070 ไร่ รวมทั้งจะมีการขยายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์รวม 2.13 แสน ตร.ม.

AMATA คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 ยังคงขยายตัวได้ดี โดยประเมินยอดโอนที่ดินคาดจะสูงขึ้น โดยมี Backlog ล่าสุดสูงราว 1.94 หมื่นล้านบาท แรงหนุนจากความตึงเครียดระหว่างประเทศ คาดจะหนุนโอกาสการย้ายฐานการผลิตจากจีนและไต้หวันเข้าสู่ไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณของอัตรากำไรขั้นต้นที่มีทิศทางที่ขยับสูงขึ้นเป็นแรงหนุนเพิ่มเติม