ทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ กันในหมู่ขาใหญ่ในตลาดหุ้นว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อ “นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” อดีตประธานคณะผู้บริหาร บริษัท การบิน กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BA) ตกลงยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) สั่งให้ชำระค่าปรับ 257,284,350 บาท จากการปั่นหุ้น สร้างราคาของสายการบินบางกอกแอร์เวย์
เช่นเดียวกับลูกสาว “หมอปุย-พญ.ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ” ที่ยอมชำระค่าปรับทางแพ่ง 235,036,775 บาท
และเลขาหน้าห้อง “นฤมล ใจหนักแน่น” ก็ชำระค่าปรับทางแพ่ง 7,126,800 บาท รวม 3 คนจ่ายค่าปรับไป 499.45 ล้านบาทเศษ
ทั้งนี้ เพราะหลังจากที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตรวจสอบข้อมูลและกล่าวโทษต่อ “หมอเสริฐ-หมอปุย-เลขามล” ว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558- 12 มกราคม 2559 หมอปราเสริฐ หมอปุย-ปรมาภรณ์-เลขาฯนฤมล ร่วมกันซื้อขายหุ้น BA อย่างต่อเนื่อง และจับคู่ซื้อขายหลักทรัพย์ BA ระหว่างกันเองในลักษณะอำพรางการซื้อขาย ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ และส่งผลให้ราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้น BA ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด
ก.ล.ต.จึงมีคำสั่งปรับทางแพ่ง 499.45 ล้านบาทเศษ และมีคำสั่งห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนเป็นเวลา 1-2 ปี ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 ถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564
หมอเสริฐ ประกาศลาออกจากตำแหน่งบอร์ด แต่ประกาศสู้คดีทางแพ่งตามขั้นตอนให้เป็นที่ประจักษ์ ว่า ตัวเอง ลูกสาว เลขา ไม่ได้ปั่นหุ้น สร้างราคา
แต่แล้วจู่ๆก็มายอมจ่ายค่าปรับทางแพ่งโดยดุษฎี ไม่ยอมเดินหน้าสู้คดีตามที่ลั่นวาจา...เรื่องนี้ต้องมีอะไรในกอไผ่ มิเช่นนั้น คงไม่ทำให้หมอเสริฐเลือดนักสู้ยอมหงอ...โดยเด็ดขาด
ลึกลับจากย่านวิภาวดีรังสิต ใกล้ๆ สีเทาดำ สีฟ้าสดใสแอบกระซิบดังๆ ให้ฟังว่า..เรื่องนี้มี something wrong…ดีลไม่ดัน...พลังไม่พอ...ท่อถูกทำให้ตัน...
ก่อนหน้านั้น มีคนพยายามเจรจากับก.ล.ต.ขอลดค่าปรับลงมาจากที่ ค.ม.พ.สั่งปรับจากระดับ 5 เหลือระดับ 3 ได้หรือไม่ แต่ไม่ได้ผลเพราะค.ม.พ.ที่มีอัยการสูงสุดเป็นประธาน ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการ ล้วนผู้หลักผู้ใหญ่ มีมติไปแล้วลดไม่ได้ ถ้าไม่จ่ายก็ไปสู่คดีความทางแพ่ง
แว่วว่า ต่อรองกันหนัก ถึงขนาดขู่ปลัฟกันว่า “สามารถเป่าคดีในชั้นอัยการได้” แต่เมื่อมีวาทะสู้จากทีมก.ล.ต.ว่า “ถ้าอัยการมีคำสั่งไม่ส่งฟ้อง สำนักงานก.ล.ต. สามารถนำหลักฐานฟ้องร้องต่อศาลเพื่อเรียกค่าเสียหายเองได้...” แค่นั้น...ทุกอย่างจบ...ประตูปิด
7 กุมภาพันธ์ 2562 รพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต. จึงออกมาสำทับอีกครั้งว่า นพ.ปราเสริฐ และพวกรวม 3 คน ได้ขอขยายเวลาพิจารณาข้อมูลอีกครั้ง หลังจากสำนักงานก.ล.ต.กำหนดให้ชำระค่าทางแพ่งภายใน 14 วัน หลังจากที่ได้ส่งหนังสือให้แก่ผู้กระทำผิดเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2562 ก.ล.ต. จึงได้ขยายเวลาให้ผู้กระทำผิดเป็นเวลา 7 วัน เพื่อชำระค่าปรับทางแพ่ง หากผู้กระทำผิดยังไม่ยอมชำระค่าปรับ ก.ล.ต.จะส่งให้อัยการดำเนินการฟ้องคดีทางแพ่ง เพื่อขอให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด
8 กุมภาพันธ์ 2562 การยอมงอของหมอเสริฐจึงบังเกิดผล....ยอมจำนนจ่ายเบี้ยปรับจากการปั่นหุ้น 499.45 ล้านบาท
ทั้งๆที่ถ้าพิจารณาจากการซื้อหุ้นและการโยนกันไปโยนกันมาและทำกำไรจากราคานั้นข่าวว่า “หมอเสริฐ-หมอปุย-เลขาฯมล” ได้กำไรจากหุ้นจริงๆแค่ 249 ล้านบาทเท่านั้นแหละขอรับ แต่โดนค่าปรับสูงกว่ากำไรเสียอีก
เรื่องราวอันโลดโผนในตลาดหุ้นของหมอเสริฐ หมอปุย เลขามล จึงจบลง พร้อมกับการห้ามเป็นกรรมการบริษัทในตลาดหุ้นยาว 2 ปี หลังจากนี้ต้องใช้ยุทธวิธี “จำศีล”ทางธุรกิจในตลาดทุน....
[caption id="attachment_388577" align="aligncenter" width="500"]
[/caption]
ขณะที่เรื่องราวของหมอเสริฐจบลง...เรื่องราวหนึ่งก็โผล่ออกมาอย่างร้อนแรง...เมื่อปรากฏข่าวที่อื้ออึงในตลาดหุ้น ตลาดทุนว่า ทางก.ล.ต.สั่งเจ้าหน้าที่ส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง ขาใหญ่ในตลาดหุ้น “อมร มีมะโน” พร้อมพวก โทษฐานสร้างราคาหุ้นบริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJD ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA โดยมีการซื้อขายหลากหลายบัญชี โยนกันไป โยนกันมาจนดันราคาขึ้นไป 15 บาท ซึ่งต่อมา ค.ม.พ.มีมติสั่งให้ชำระค่าปรับทางแพ่งจากการปั่นหุ้นสร้างราคาเป็นประวัติศาสตร์รวมกัน 1,727.38 ล้านบาท
คดีนี้ ก.ล.ต.พบพฤติกรรมการสร้างราคาเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม 2557 ถึง 8 ตุลาคม 2557 รวม 100 วันทำการ ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นจาก 2.60 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 15 บาท การปั่นหุ้น AJA ทำกันเป็นทีม เหมือนอุตสาหกรรมในครอบครัว เพราะนายอมรได้ดึงภรรยา ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และพนักงานของบริษัทร่วมขบวนการ ถึงขนาดยืมบัญชีมาซื้อขายหุ้น จนบางรายถูกสั่งปรับ 3.33 แสนบาท ปรับสูงสุด 179 ล้านบาท
บุคคล 40 รายที่ร่วมกัน สร้างราคาหุ้น AJD ได้แก่ 1. อมร มีมะโน 2. พิภัทร์ ปฏิเวทภิญโญ 3. จินดา มีมะโน 4. จินตนา มีมะโน 5. ณษิกา มีมโนนันท์ 6. จินตนา แสงพงษ์พิทยา 7. โชติอนันต์ แสงพงษ์พิทยา 8. ยงยุทธ แสงพงษ์พิทยา 9. โสภา กุลศิโรรัตน์ 10. เจตสุภา ณัฐพฤกษ์
11. ณัฐณิชา สันติวราคม 12. วิศาล หล่อทองไพศาล 13. ภณิดา เตชคุณวุฒิ 14. วราพงษ์ ซึงรุ่งโชติ 15. เจนจิรา สกุลปิ่นจง 16.ธนิดา ธัญสุนทราเดช 17. นันท์นภัส อัจจมาลย์วรา 18. ชาย จันทร์วิกูล 19. มานะ สมบูรณ์วิวัฒน์ 20. ศิริพร สมบูรณ์วิวัฒน์
21. พิมพ์ใจ เพชรภักดีชัย 22. วิจิตรา เพชรภักดีชัย 23. สุชาติ วัฒนศิริชัยกุล 24. Mr. Fu Nan 25. Mr. Dong Zhang 26. วนิดา วสีพันธ์พงศ์ 27.ศุรวีร์ วสีพันธ์พงศ์ 28.สมใจ วสีพันธ์พงศ์ 29. จตุวัฒน์ วสีพันธ์พงศ์ 30. กรียงไกร วสีพันธ์พงศ์
31. สุรเชษฐ วสีพันธ์พงศ์ 32. ปิโยธร กลกิจชัยวรรณ 33. ธัญลักษณ์ ดีวงกิจ 34. ปิยะดา กลกิจชัยวรรณ 35.สุนทร ดีวงกิจ 36. ไกรสร ฉัตรเลขวนิช 37. วรวุฒิ ผ่าประพันธ์ 38. วีระ วนาฤทธิกุล 39.ธวัลรัตน์ ฐิติวัฒน์กมล 40. ธนชาต ศิริภานุเขม
ทั้ง 40 คน ว่ากันว่า บางคนยอมไปจ่ายค่าปรับ แต่ที่เหลือฝากความหวังไว้ที่ “อมร” ที่ปัจจุบันเล่นซ่อนผ้า แจ้งว่าจะเดินหน้าสู้คดี...อนาคตคนเหล่านี้ฝากไว้กับคุกตะรางจริงๆขอบอก...
ผมทราบว่า ทาง ก.ล.ต.มีข้อมูลอื้อซ่าว่า เสี่ยอมร ขาใหญ่และมือขวา-พิภัทร์ ได้ร่วมกันอนุมัติเงินออกมาจากบริษัท AJD เพื่อนำไปใช้ในการสร้างราคาหุ้น AJD อีกด้วยสิขรั่บ...ตายๆๆๆ
ผู้ถือหุ้นรายย่อย AJA จำนวน 10,988 ราย ที่กระอักเลือด ไม่มีโอกาสถอนทุนคืนจากหุ้นอันตรายตัวนี้...รอโส หนา หน้า ได้เลยขอรับ
สำหรับทางออกของนักปั่นหุ้นที่ฝากชีวิตไว้ในอุ้งมือเสี่ยอมร..จอมปั่น...
| คอลัมน์ : ทางออกนอกตำรา
| โดย : บากบั่น บุญเลิศ
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3444 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 14-16 ก.พ.2562