เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 4 ม.ค. 64 คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ มีคำสั่งที่ 2/2564 ประกาศปิดสถานที่ ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีคำสั่ง ณ วันที่ 4 ม.ค.64 โดยระบุว่า
สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้รายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๔ ว่าพบสถานที่ที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
เพื่อป้องกันมิให้เกิดการแพร่ระบาดลุกลามเป็นวงกว้างและเป็นการยกระดับมาตรการการเฝ้าระวังควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิต 19 ให้เป็นไปอย่างประสิทธิภาพ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ตามมติที่ประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๔ จึงออกคำสั่งดังนี้
ข้อ ๑ ให้ปิดสถานที่ดังนี้
๑.๑. ร้าน“ ท่าช้างคาเฟ (ThaChangCafe) ตั้งอยู่ที่ ๔๖ ถนนอัษฎาธรตำบลช้างเผือกอำเภอเมืองเชียงใหม่จังหวัดเชียงใหม่
๑.๒ ร้าน“ วอร์มอัพคาเฟ (Warm up Cafe) ตั้งอยู่ที่ ๔๐ ถนนนิมมานเหมินทร์ตำบลสุเทพอำเภอเมืองเชียงใหม่จังหวัดเชียงใหม่
๑.๓ ร้าน“ พริตตี้คลับเชียงใหม่ (Pretty club Xclusive)” ตั้งอยู่ที่ ๖๔/๓ ถนนรอบเมืองเชียงใหม่ตำบลสุเทพอำเภอเมืองเชียงใหม่จังหวัดเชียงใหม่
๑.๔ ร้าน“ อินฟินิตี้คลับเชียงใหม่ (Infinity Club Chiangmai)” ตั้งอยู่ที่ ๒๗/๒ ถนนชลประทานสุเทพตำบลสุเทพอำเภอเมืองเชียงใหม่
๑.๕ ร้าน“ DC Chiangmai” ตั้งอยู่ที่ถนนนิมมานเหมินทร์ซอย 5 ตำบลสุเทพอำเภอเมืองเชียงใหม่จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้เป็นระยะเวลา ๓ วัน ตั้งแต่วันที่ ๔-๖ มกราคม ๒๕๖๔
ข้อ ๒ ให้พนักงานของร้านตามข้อกักกันตนเอง (Home Quarantire) เป็นระยะเวลา ๑๔ วันและให้ตรวจสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามคำของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
อนึ่งการดำเนินการตามคำสั่งนี้เป็นไปตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองและกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาทางปกครองตามมาตรา ๓๖ ของพระราชกำหนดดังกล่าว
ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ หรือต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๘