หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 13 กรกฎาคม 2564
- ราคาน้ำมันดิบถูกกดดัน หลังการแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ และความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงวัคซีน ยังคงคุกคามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์การใช้พลังงาน โดยปัจจุบันยอดผู้ติดเชื้อไวรัสสะสมทั่วโลกได้เฉียด 188 ล้านรายแล้ว ส่งผลให้หลายประเทศต้องกลับมาบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ล่าสุดกรุงโตเกียวได้กลับมาดำเนินมาตรการที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดก่อนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน
- ความล้มเหลวในการเจรจาของกลุ่มโอเปกพลัสได้สร้างความไม่แน่นอนต่อนโยบายการผลิตน้ำมัน โดยทางกลุ่มได้ตัดสินใจเลื่อนการประชุมออกไปโดยไม่มีกำหนด ท่ามกลางความขัดแย้งเกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมันระหว่างซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
+ นักลงทุนคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ จะยังคงปรับลดต่อได้จากสัปดาห์ก่อน เนื่องจากโรงกลั่นมีแนวโน้มผลิตที่อัตราสูงขึ้น
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในภูมิภาคเอเชีย ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินถูกกดดัน
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอินเดียมีแนวโน้มส่งออกน้ำมันดีเซลลดลง อย่างไรก็ดี อุปสงค์โดยรวมยังถูกจำกัดจากมาตรการล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่
ที่มา : บมจ.ไทยออยล์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะไวรัสสายพันธุ์เดลตา จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลก นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังถูกกดดันจากความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 46 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 74.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 39 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 75.16 ดอลลาร์/บาร์เรล