การล็อกดาวน์ เคอร์ฟิว จำกัดการเดินทาง ปรับพื้นที่สีแดงเข้มเป็น 29 จังหวัด มีผลตั้งแต่ 3 ส.ค. 64 เป็นต้นไป
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปม.ตร.) ได้ประชุมผ่านระบบวีดีโอทางไกลกับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง กำชับให้ ผบก.ภ.จว. พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ที่ประกาศเพิ่มเติม 16 จังหวัด
ประสานผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อจัดตั้งจุดชะลอการเดินทาง จุดตรวจเคอร์ฟิว ชุดสายตรวจร่วมหรือชุดเคลื่อนที่เร็ว
และให้ ผบก.ภ.จว.ที่มีพื้นที่รอยต่อจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 21 จังหวัด ได้แก่
ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อกำหนดการจัดตั้งจุดตรวจชะลอการเดินทางเพื่อเข้าจังหวัดของตนเอง ทั้งนี้ให้ประสานกับจังหวัดข้างเคียง เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน
สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด(สีแดง) 37 จังหวัด ให้ ผบก.ภ.จว. ให้ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดในการตั้งจุดตรวจคัดกรองโรค ชุดสายตรวจร่วมหรือชุดเคลื่อนที่เร็ว
โดยให้ทุกหน่วยศึกษามาตรการตามข้อกำหนดฯ ที่ออกมาบังคับใช้ให้ชัดเจน แล้วชี้แจงให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนทราบและประสานบูรณาการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมปฏิบัติงาน
ให้ทุกหน่วยเข้มงวดตรวจตราเพื่อสืบสวน ปราบปรามจับกุมผู้รวมกลุ่มมั่วสุมกระทำการที่ผิดกฎหมาย เช่น ลักลอบเล่นการพนัน เสพยาเสพติด มั่วสุมในลักษณะที่จะนำไปสู่การแข่งรถในทาง หรือฝ่าฝืนเปิดสถานบริการในพื้นที่ที่มีข้อกำหนดฯ ห้ามเปิด รวมทั้งให้กำชับเจ้าหน้าที่ของศูนย์รับแจ้งเหตุ ฉุกเฉิน 191 สายด่วน 1599 รับแจ้งเบาะแส เหตุฉุกเฉิน แล้วประสานเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการ ตามอำนาจหน้าที่
หากพบว่าหน่วยใดปล่อยปละละเลย หรือย่อหย่อนในการปฏิบัติหน้าที่ให้พิจารณาข้อบกพร่องเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบและผู้บังคับบัญชา ผู้มีหน้าที่ควบคุม กำกับ ดูแล ให้เหมาะสมแก่กรณี
นอกจากนี้ให้ติดตามสถานการณ์ของประเทศบ้านที่มีผู้ติดเชื้อสูง โดยเพิ่มความเข้มงวดการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าตามแนวชายแดนของบุคคลต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย กำชับตำรวจทุกนาย ห้ามยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์อันมิชอบ โดยเฉพาะการนำพาช่วยเหลือซ่อนเร้น การอำนวยความสะดวกให้กับเครือข่ายขบวนการลักลอบนำพาบุคคลต่างด้าวผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด