รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า
สถานการณ์ทั่วโลก 22 สิงหาคม 2564...
ทะลุ 212 ล้านคนไปแล้ว
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 557,406 คน รวมแล้วตอนนี้ 212,098,176 คน ตายเพิ่มอีก 8,644 คน ยอดตายรวม 4,435,497 คน
5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุด คือ อเมริกา สหราชอาณาจักร อินเดีย บราซิล และญี่ปุ่น
อเมริกา ติดเชื้อเพิ่ม 86,707 คน รวม 38,514,242 คน ตายเพิ่ม 500 คน ยอดเสียชีวิตรวม 644,823 คน อัตราตาย 1.7%
อินเดีย ติดเพิ่ม 31,043 คน รวม 32,423,549 คน ตายเพิ่ม 401 คน ยอดเสียชีวิตรวม 434,399 คน อัตราตาย 1.3%
บราซิล ติดเพิ่ม 28,388 คน รวม 20,556,487 คน ตายเพิ่ม 585 คน ยอดเสียชีวิตรวม 574,243 คน อัตราตาย 2.8%
รัสเซีย ติดเพิ่ม 21,000 คน รวม 6,726,523 คน ตายเพิ่ม 797 คน ยอดเสียชีวิตรวม 175,282 คน อัตราตาย 2.6%
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 22,636 คน ยอดรวม 6,602,311 คน ตายเพิ่ม 81 คน ยอดเสียชีวิตรวม 113,267 คน อัตราตาย 1.7%
อันดับ 6-10 เป็น สหราชอาณาจักร ตุรกี อาร์เจนติน่า โคลอมเบีย และสเปน ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น
แถบอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย หลายต่อหลายประเทศติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น
หากรวมทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ พบว่ามีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 87.29 ของจำนวนติดเชื้อใหม่ทั้งหมดต่อวัน
แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน
แถบตะวันออกกลางส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ยกเว้นอิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง
เวียดนามติดเพิ่มเกินหมื่นเหมือนฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และญี่ปุ่น
ส่วนเมียนมาร์ และเกาหลีใต้ ติดกันหลักพัน กัมพูชา ลาว และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน ไต้หวัน สิงคโปร์ และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกงติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
ภาพรวมการระบาดของโลก
รอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีคนติดเพิ่มกว่า 4.5 ล้านคน ตายเพิ่มกว่า 6.7 หมื่นคน จำนวนการติดเชื้อเพิ่มนั้นสูงขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อนหน้า 0.4% แต่จำนวนการเสียชีวิตลดลง 0.5%
หากเจาะดูของไทย
รอบสัปดาห์ที่ผ่านมาติดเพิ่ม 146,521 คน ลดลงกว่าสัปดาห์ก่อน 1% (สัปดาห์ก่อนหน้านั้นติดไป 148,505 คน) แต่จำนวนการเสียชีวิตนั้นมีถึง 1,700 คน สูงกว่าสัปดาห์ก่อนถึง 34% (สัปดาห์ก่อนหน้านั้นเสียชีวิตไป 1,272 คน)
อย่างไรก็ตาม การดูตัวเลขรายงานเป็นทางการดังกล่าวนั้นต้องดูอย่างมีวิจารณญาณ และตระหนักว่าโดยแท้จริงแล้วมีคนที่ใช้วิธีการตรวจแบบ Antigen test kit (ATK) อีกจำนวนไม่น้อย ที่ได้ผลบวก และเข้าสู่การระบบการดูแลรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน home isolation ซึ่งจำนวนเหล่านั้นไม่ได้นำมารวมในรายงานอย่างเป็นทางการ ดังนั้นจำนวนการติดเชื้อรายสัปดาห์ที่แท้จริงจึงมากกว่าที่รายงานอย่างเป็นทางการ และอาจมากกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าได้ ดังที่เห็นในรูปประกอบ ซึ่งนำจำนวนคนที่ตรวจผลบวกจาก ATK ในเดือนสิงหาคมมารวม จะพบว่าสถานการณ์การระบาดของไทยยังวิกฤติ
อนึ่ง การตรวจ ATK นั้น สิ่งที่เราควรระวังคือ ผลลบปลอม เพราะมีค่าความไวไม่สูงมาก แปลว่าติดเชื้อแต่ตรวจแล้วได้ผลลบ อาจเข้าใจผิดว่าไม่ติดเชื้อทั้งๆ ที่ติดเชื้อ และหากไม่ป้องกันตัวให้ดีก็จะแพร่ไปให้คนในบ้าน หรือคนอื่นๆ ในสังคมได้
ส่วนเรื่องผลบวกปลอมนั้น เกิดได้ แต่น้อยกว่าผลลบปลอม เพราะมีค่าความจำเพาะสูง เมื่อมีการนำ ATK มาใช้ในสถานการณ์ระบาดหนักแบบปัจจุบัน หากตรวจพบว่าเป็นผลบวกแล้ว โอกาสที่จะติดเชื้อจริงมีสูงมาก
การต่อสู้ในสถานการณ์การระบาดนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความพยายามที่จะต้องรวบรวมข้อมูลอย่างครบถ้วน ไม่ให้หลุด และเป็นปัจจุบันให้มากที่สุด เพราะจะส่งผลต่อการประเมิน เพื่อวางแผนนโยบายและมาตรการได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
สำหรับประชาชนอย่างพวกเราทุกคน ขอให้ตระหนักว่าการระบาดรุนแรง กระจายไปทั่ว ยังควบคุมตัดวงจรการระบาดไม่ได้
ใส่หน้ากากสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า สำคัญมาก
เตรียมตัว เตรียมงาน เตรียมสถานที่ เตรียมข้าวของเครื่องใช้และอุปกรณ์จำเป็นภายในบ้านไว้เผื่อยามจำเป็น และเตรียมใจเพื่อสู้กับศึกโรคระบาดระยะยาว และที่สำคัญมากตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี การวางแผนการเงินและการใช้จ่ายเป็นสิ่งจำเป็นมาก
สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (Covid-19) ในประเทศไทยวันที่ 22 สิงหาคม 64 นั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลการายงานจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. พบว่า ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรวม 19,014 ราย มาจาก ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,818 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 196 ราย ผู้ป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 1,020,432 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 233 ราย หายป่วยกลับบ้าน 20,672 ราย กำลังรักษา 200,339 ราย หายป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 812,210 ราย