กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผบก.สอท.2 และพ.ต.อ.ชูศักดิ์ เคทอง ผกก.2 บก.สอท.2 พร้อมด้วย
นพ. ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และภญ. สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข และรักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการจับกุมผู้ลักลอบผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางโดยไม่ได้รับอนุญาต
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบพบการโฆษณาเกินจริงของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ดีเอ็น ออร่า ไวท์ บอดี้ โลชั่น (DN AURA WHITE BODY LOTION) เลขที่ใบรับจดแจ้ง 11-1-6300052215 ทางสื่อออนไลน์และอีมาร์เก็ตเพลสเป็นจำนวนมากด้วยข้อความ
เช่น “เปลี่ยน ผิวดำกรรมพันธุ์ สู่ผิวขาวใส ใน 7 วัน” ซึ่งเป็นข้อความที่แสดงสรรพคุณเกินขอบข่ายความเป็นเครื่องสำอางและไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เครื่องสำอางดังกล่าวได้ยกเลิกเลขที่ใบรับจดแจ้งแล้วเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เฝ้าระวังการโฆษณาเครื่องสำอางดังกล่าว
โดยเจ้าหน้าที่ บช.สอท. ภายใต้คณะทำงานสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ประเภทการหลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และการค้าขายสินค้าผิดกฎหมายผ่านสื่อออนไลน์ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ๒ และเจ้าหน้าที่ อย. ได้ร่วมกันขยายผลติดตามสืบสวนแหล่งจำหน่าย
จนสืบทราบแหล่งลักลอบผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ยี่ห้อดังกล่าว จึงได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นอาคารบ้านพักใน อ. คลองหอยโข่ง จ. สงขลา พบว่า บ้านหลังดังกล่าวถูกใช้เป็นสถานที่ลักลอบผลิตเครื่องสำอางประเภทครีมจำนวนหลายยี่ห้อ เช่น ยี่ห้อดีเอ็น (DN) ยี่ห้อใหม่ (MAI) ยี่ห้อเคที (KT) จึงได้ทำการตรวจยึดของกลาง
ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ยี่ห้อ MAI และ DN กว่า 460 ชิ้น ยาคีโตโคยนาโซล 240 กล่อง บรรจุภัณฑ์เปล่ากว่า 10,000 ชิ้น เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต ครีมรอบรรจุ และฉลากสติกเกอร์ รวมมูลค่าของกลางกว่าสามแสนบาท และนำตัวอย่างของกลางส่งตรวจหาสารต้องห้าม ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นพบการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ฐาน
1. ผลิตเครื่องสำอางโดยไม่จดแจ้ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. ผลิตเพื่อขายเครื่องสำอางปลอม มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. หากผลตรวจวิเคราะห์พบสารห้ามใช้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐาน
1. ขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใด ๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพหรือปริมาณแห่งของนั้นอันเป็นเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. เอาชื่อ รูป รอยประดิษฐ์หรือข้อความใด ๆ ในการประกอบการค้าของผู้อื่นมาใช้ หรือทำให้ปรากฏที่สินค้า หีบ ห่อ วัตถุที่ใช้หุ้มห่อ แจ้งความ รายการแสดงราคา จดหมายเกี่ยวกับการค้าหรือสิ่งอื่นทำนองเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่นนั้น มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ผู้กระทำความผิดรับสารภาพว่า เคยสั่งผลิตเครื่องสำอางดังกล่าวกับผู้ผลิตแต่ไม่ได้กำไรเท่าที่ควร จึงลองผลิตและจำหน่ายเองเพื่อเพิ่มกำไร ซึ่งลักลอบทำมากว่า 2 ปีแล้ว
ทั้งนี้พี่น้องประชาชน ควรตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทุกครั้งก่อนที่จะทำการสั่งซื้อสินค้าจากสื่อออนไลน์ กรณีเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพควรตรวจดูเลขที่จดแจ้ง เลข อย. ถูกต้องหรือไม่ เว็บไซต์ผู้จำหน่ายมีความน่าเชื่อถือเพียงใด และแจ้งเตือนกลุ่มผู้ขายสินค้าไม่ซื่อสัตย์ ขายสินค้าไม่ปลอดภัยในการใช้
หรือโฆษณาชวนเชื่อสรรพคุณเกินจริงผ่านสื่อออนไลน์ อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี หรือปรับสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท หากพี่น้องประชาชนพบเห็นการกระทำความผิดสามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน 1441 ตำรวจไซเบอร์ หรือเพจกองบัญชาการตารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)
ด้านภญ.สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุขและรักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ครีมเถื่อนที่ยึดได้ในครั้งนี้มักขายตามร้านค้าออนไลน์ หรือตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ มักโฆษณาอ้างรักษาสิว รอยแผลเป็น ฝ้า กระ ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส ดำกรรมพันธุ์ก็ขาวขึ้น เห็นผลใน 7 วัน
ที่ผ่านมา อย. เคยตรวจพบสารห้ามใช้ในเครื่องสำอางประเภทนี้เช่น สารปรอท ไฮโดรควิโนน กรดวิตามินเอ สเตียรอยด์ ซึ่งหากใช้เป็นเวลานาน อาจทำให้ผิวหน้าดำผิวบางลง แพ้แสงแดดหรือแสงไฟได้ง่าย ผิวแตกลายถาวร เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้รับสารปรอทในปริมาณมาก อาจเกิดพิษสะสม ส่งผลให้ไตอักเสบ
ซึ่งเคยมีผู้แพ้สารปรอทในเครื่องสำอางจนเสียชีวิตมาแล้ว จึงขอเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังในการเลือกซื้อเครื่องสำอาง อย่าซื้อเพียงเพราะหลงเชื่อคำโฆษณาว่า เครื่องสำอางนี้ช่วยรักษาสิว ฝ้า กระ รอยดำลดลง ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ให้ผลเร็ว
เพราะมักพบว่า มีการลักลอบใส่สารห้ามใช้ ซึ่งเมื่อใช้ไประยะหนึ่งจากผิวที่ดูขาวจะกลายเป็นดำคล้ำ เป็นฝ้าถาวร หรือรอยแผลเป็นถาวร ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ก่อนซื้อขอให้ตรวจสอบเลขที่จดแจ้งและติดตามข่าวสารการแจ้งเตือนเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัย ทางเว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th หรือ ไลน์ @fdathai หากพบการลักลอบผลิต นำเข้า จำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมาย ขอให้แจ้งมาที่สายด่วน อย. 1556