หมอนิธิพัฒน์แตะเบรคคลายล็อก ชี้ผู้ป่วยยังเกินกำลังการแพทย์หลายเท่าตัว

27 ส.ค. 2564 | 01:31 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ส.ค. 2564 | 08:30 น.

หมอนิธิพัฒน์แตะเบรคคลายล็อก ชี้ผู้ป่วยยังเกินกำลังภาคการแพทย์หลายเท่าตัว แนะผ่อนคลายทีละน้อยอย่างเข้มงวด พร้อมกำหนดกติกาตัวชี้วัดที่ชัดเจนให้สังคมรับทราบและร่วมกันติดตามผล และหากไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ คำขอโทษพร้อมข้อเสนอแนวทางแก้ไขใหม่อย่างทันท่วงที

รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (นิธิพัฒน์ เจียรกุล) โดยมีข้อความระบุว่า 
แม้ว่าจะถูกกลบไปด้วยข่าวการทดสอบถุงคลุมหัวที่ดินแดนปากน้ำโพ แต่เชื่อว่าวันนี้สายตาทุกคู่คงจับจ้องไปที่การประชุมศบค.ชุดใหญ่ว่าจะไปอย่างไรกันต่อ นี่แค่ยังไม่ถึงวันจริง ก็เริ่มมีข่าวจากฝ่ายนโยบายสายพิราป ที่ออกมากระดี๊กระด๊าว่าจะผ่อนคลายโน่นนี่นั่น โดยให้เหตุผลว่ากราฟแสดงตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งประเทศเริ่มลดลงต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว ทั้งที่ยังเป็นตัวเลขที่เกินขีดความสามารถตามศักยภาพของภาคการแพทย์ที่ควรจะเป็นอยู่อีกหลายเท่าตัว

จำนวนผู้ป่วย-ติดเชื้อในชุมชน  
เย็นไว้โยม หากย้อนไปดูประวัติศาสตร์ครั้งออกพรก.ฯฉบับที่ 23 เพื่อผ่อนคลายในช่วงปลายเดือนพ.ค. แน่นอนพวกสายเหยี่ยวตอนนั้นส่งเสียงค้าน แต่มันคงไปไม่ถึงผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ผ่านไปสองเดือนเศษสถานการณ์บานปลายเหมือนมะเร็งระยะลุกลาม จนต้องออกพรก.ฯ ในเวลาไล่เลี่ยกันถึงอีก 5 ฉบับกว่าจะเริ่มล็อคคอโควิด-19 (Covid-19) ให้พอนิ่งหายพยศลงได้บ้าง อย่าลืมว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าจะผ่อนคลายเร็วหรือช้าเพราะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มันสำคัญตรงฝ่ายมีหน้าที่บังคับใช้ พรก. จะใส่ใจทำให้มาตรการสวยหรูที่ประกาศออกมาเป็นจริงเป็นจังได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นภาระหนักอึ้งคงไม่พ้นบ่าของบุคลากรด่านหน้าทุกสาขาอาชีพที่กรำศึกกันมาต่อเนื่องยาวนาน รวมถึงการชี้ชะตาระบบสาธารณสุขในการดูแลรักษาผู้ป่วยอื่นซึ่งไม่ใช่โควิด ที่นับวันจะหดแคบด้านคุณภาพลงไปมากเข้าทุกที

เราคงต้องทนอยู่กับโควิดแบบนี้กันไปอีกนาน หรือเราอยากจะอยู่กันแบบใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เพื่อรอลุ้นตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ ผู้ป่วยอาการรุนแรง ผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจ และผู้ป่วยเสียชีวิตที่มีคนมารายงานให้ฟังรายวัน มีอีกตัวเลขหนึ่งที่ยังไม่เคยสำรวจกันจริงจังและยังไม่ค่อยพูดถึงกันนัก คือกลุ่มผู้ป่วยที่รอดกลับมาแต่ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตทั้งทางร่างกายและทางจิตใจเหมือนดังเดิมได้ 
ผู้ว่าปูอาจเป็นตัวอย่างของรายที่โชคดีแต่ก็ยังไม่ดีพอที่จะไปตรากตรำงานหนักที่สมุทรสาคร ผู้ป่วยชายอายุ 62 ปีในรูปเอกซเรย์ชุดแรก ต้องเรียกว่าโกงตายหนักกว่าพ่อเมืองสาครหลายเท่า ที่ปอดฟื้นกลับมาได้หลังใช้เครื่องหัวใจและปอดเทียม (เอ็คโม) นานกว่าสองเดือน

ผลหลงเหลือหลังจากหายโควิด

แต่ยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนที่จะฟื้นฟูกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายซึ่งคงจะไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้ทั้งหมด ผิดกับผู้ป่วยอีกรายในเอกซเรย์ชุดที่สอง ที่เนื้อปอดถูกทำลายไปมากในเวลาไม่กี่สัปดาห์

ผลหลงเหลือหลังหายจากปอดอักเสบโควิด

แล้วถูกแทนที่ด้วยพังผืดอย่างหนาแน่นพอกับเนื้อปอดส่วนดีที่ยังเหลืออยู่ ถึงแม้จะรอดชีวิตมาได้ แต่ก็อาจจะถึงขั้นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจต่อไปเป็นการถาวร

ในครั้งที่จะเพิ่มมาตรการ ฝ่ายนโยบายใช้คำว่าพื้นที่ควบคุมสูงสุดอย่างเข้มงวด ดังนั้นในโอกาสภายหน้าที่จะผ่อนคลายมาตรการ ผมอยากได้ยินเช่นเดียวกันว่า ผ่อนคลายทีละน้อยอย่างเข้มงวด พร้อมกำหนดกติกาตัวชี้วัดที่ชัดเจนให้สังคมรับทราบและร่วมกันติดตามผล และหากไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ คำขอโทษพร้อมข้อเสนอแนวทางแก้ไขใหม่อย่างทันท่วงที เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่น่าจะยอมรับและให้อภัยได้ ดีกว่าการดื้อรั้นเอาสีข้างเข้าถู ยื้อจนระฆังหมดยกแบบรอไปตาย (กันหมด) เอาดาบหน้า
ประเด็นดังกล่าวมาจาก เมื่อวันที่  26 สิงหาคม 64 ได้มีมติจากที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศบค. หรือ ศบค.ชุดเล็ก เห็นชอบมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม โดยจะผ่อนปรนให้ร้านอาหารนั่งรับประทานอาหารในร้านได้ รวมทั้งลดระยะเวลาเคอร์ฟิว หรือ ห้ามออกนอกเคหะสถานในยามวิกาล 1 ชั่วโมง
"ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลพบว่า ในส่วนของการผ่อนปรนร้านอาหารให้นั่งรับประทานในร้านได้นั้น จะมี 2 ส่วน คือ
1.ร้านอาหารที่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือ เปิดแอร์ อนุญาตนั่งรับประทานในร้านได้คิดเป็น 50% ของจำนวนที่นั่งในร้าน
2.ร้านอาหารที่ไม่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือไม่เปิดแอร์ ให้นั่งได้ 75 % ของจำนวนที่นั่งในร้าน 
ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้มาตรการสาธารณสุขเข้มงวด อาทิ พนักงานสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ห้ามตะโกนสั่งอาหาร ห้ามรวมกลุ่ม ล้างมือด้วยเจลล์แอลกอฮอล์
ส่วนการลดเวลาเคอร์ฟิวนั้น ยังห้ามประชาชนในพื้นที่สีแดงเข้มออกนอกเคหสถาน แต่ศบค.ชุดเล็กหารือและลงมติให้ ลดเวลาลงจากเดิม 1 ชั่วโมง เหลือเวลา 22.00 ถึง 04.00 น. จากเดิม 21.00-04.00 น. 
นอกจากนี้ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่จะเสนอเข้าที่ประชุม  ศบค.ชุดใหญ่ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานการประชุมในวันนี้ เพื่อลงมติว่าจะเห็นชอบตามศบค.ชุดเล็กหรือไม่ แล้วจะเริ่มบังคับใช้เมื่อไร