เปิดความจริง-ความลวงในประเทศไทย อ.นิด้า เทียบบทเรียนไต้หวันชนะโควิด

06 ก.ย. 2564 | 03:16 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.ย. 2564 | 12:57 น.

อ.นิด้าเปิดบทพิสูจน์ความจริงความลวงในประเทศไทย พร้อมเปรียบเทียบบทเรียนจากชัยชนะของไต้หวันประเทศแรกในโลกที่กดไวรัสสายพันธุ์อัลฟาจนผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นศูนย์

นายสันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว (Sunt Srianthumrong) โดยมีข้อความว่า
Covid-19 : บทเรียนจากชัยชนะของไต้หวัน สัจพจน์ที่เราได้จากตัวเลขที่นั่น เพื่อพิสูจน์ความจริงและความลวงในบ้านเรา 
เรื่องราวของไต้หวัน :
ไต้หวันเป็นประเทศแรกในโลกที่มีการระบาดของ Alpha (อัลฟา) อย่างหนักหน่วง และสามารถเอาชนะมันได้แบบลงสู่ Zero New Case ด้วยมาตรการในแบบฉบับ Lockdown (ล็อกดาวน์) ล้วนๆยาวนาน 3 เดือน โดยแทบไม่มีวัคซีนช่วยเลย 
ไม่เคยมีใครทำได้ ประเทศที่สามารถคุม Alpha ได้สำเร็จคือคุมไม่ให้ระบาดหนักแต่แรก ในประเทศอื่นๆที่ระบาดหนักแล้วกดลงได้ ก็ไม่เคยกดลงจนเป็นศูนย์ได้เลย 
ข้อมูลที่ไต้หวันมีความสำคัญและเที่ยงตรงมากเพราะ ไต้หวันการตรวจเชื้อมหาศาล ในระดับที่เพียงพอที่จะเชื่อได้ว่าไม่มีตกหล่น ไต้หวัน Test ไปถึง 5 ล้านครั้งในระดับผู้ติดเชื้อ 16,000 คิดเป็น %Positive แค่ 0.32% เทียบกับไทยเราที่ติดเชื้อไป 1.2 ล้าน เพิ่งตรวจได้ไปแค่ 8 ล้านกว่าคนเท่านั้น 
กราฟชัยชนะของไต้หวันจึงเป็น Sample ของ Full Wave ของ Alpha ที่สมบูรณ์และมีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะทำให้เราทราบคุณสมบัติต่างๆของไวรัสครบถ้วน  

สัจพจน์:
1.การลงสู่ Zero New Case เป็นไปได้สำหรับ Alpha ใช้เวลาไม่นานและคุ้มค่าแก่การรอคอย ไต้หวันทำได้ใน 3 เดือนด้วย Lockdown Level 3 โดยที่ยังไม่ได้ใช้ระดับสูงสุดคือ Level 4 เลยด้วย  
2.ถ้าระบาดวงกว้างแล้วคุมไม่ทัน อัตราการตายจะสูงมากระดับ 5% ไต้หวันล้มเหลวในการคุมการระบาดช่วง 20 วันแรกที่ไม่ยอม Lockdown ทำให้การแพร่ระบาดเป็นวงกว้างไม่ทันตั้งตัว การติดเชื้อตั้งแต่พ.ค.ประมาณ 15,000 เสียชีวิตถึง 825 คน คิดเป็น 5.5% อัตราการเสียชีวิตสูงมากสำหรับประเทศที่มั่งคั่งแบบไต้หวัน ในขณะที่ Wave ก่อนหน้าที่คุมได้เร็ว ติดเชื้อแค่ 1,130 คน เสียชีวิต 12 คน คิดเป็นแค่ 1% 
3.Time Constant ของกราฟ %Increase ในการลงสู่ Zero New Case คือ 9.1 เท่ากับที่จีนและไทยเคยทำไว้ใน Wave ของไวรัสอู่ฮั่น หลายถึง การ Lockdown จริงจังยังมีประสิทธิภาพมากกับ Alpha 

บทพิสูจน์โควิดในประเทศไทย
บทพิสูจน์ความจริงความลวงในประเทศไทย :
ประเทศไทย ประชากรอายุ 15-64 ปี มี  70.7% ส่วนไต้หวัน ประชากรอายุ15-64 ปี มี 71.96 % มีโครงสร้างประชากรคล้ายกัน
ปัญหาที่1.ตัวเลขรายงานผู้ติดเชื้อต่ำกว่าความจริงมาก? ของจริงน่าจะติดเชื้อระดับ 5-6 ล้านคนแล้ว?  
เฉลย : ถ้ามีการติดเชื้อที่ Undetected ขนาดนั้น ก็จะเป็นการระบาดไปทั่วที่ไม่ได้ควบคุม จะมีอัตราการตายที่มากกว่า 5% คือมีคนตายระดับมากกว่า 300,000 คนภายใน 2 เดือนที่ผ่านมา  ซึ่งเห็นชัดๆว่าคงไม่ใช่ เพราะคงเก็บศพไม่ทันแน่นอน จะต้องเป็นภาพของศพเกลี่อนทุกมุมถนน 
ปัญหาที่ 2 : เราอาจจะเข้าใกล้ Herd Immunity แล้วคือติดเชื้อ 30 ล้านคนภายในปีนี้? และที่เหลือก็คือด้วยวัคซีน เหมือนกับไข้หวัดใหญ่ตัวอื่นๆ 
เฉลย : ถ้าติดเชื้อ 30 ล้านคนภายใน 3-4 เดือน ก็คือจะตายกัน 1,500,000 คนขึ้นไป ซึ่งเห็นชัดๆว่าเกิดขึ้นไม่ไหวแน่ และไม่มีไข้หวัดใหญ่ธรรมดาใดๆจะฆ่าเราได้เกลื่อนขนาดนี้ 

ปัญหาที่ 3 : ตายด้วยอุบัติเหตุมากกว่า คนจะอดตายฆ่าตัวตายมากกว่า จะกลัวโควิดกันมากเกินไปมั้ย เปิดเศรษฐกิจไปเลย Herd Immunity ไปเลยไม่ต้องรอวัคซีน?
เฉลย : ต้องจำไว้ว่าอัตราการตายจะคือ 5% โดยที่เกิดจากการใช้ชีวิตปกติ คุณอยู่บ้านเฉยๆไม่ได้ออกไปขับรถซิ่งคุณก็ตายได้ คุณไปกินข้าวในร้านอาหารคุณก็ตายได้ คุณไปทำงานไปเดินห้างก็ตายได้ ไวรัสเลือกคุณให้ตายไม่ใช่คุณเลือกที่จะเสี่ยงหรือจะจบชีวิตตัวเอง และจะตายกันมากกว่าเยอะถ้าเล่น  Herd Immunity แบบไม่ใช้วัคซีน
บทสรุป
ปัญหาที่ 4 : บุคลากรสาธารณสุขไทย และระบบสุขภาพของไทยเอาไม่อยู่?
ต้องบอกตามตรงว่า ประเทศที่ตัวเลขการระบาดมาถึงจุดนี้แล้วและมาเร็วขนาดนี้ แต่ยังสามารถรักษาอัตราการเสียชีวิตไว้ที่ระดับ ต่ำกว่า 1% ได้นี่คือหายากมาก เรามีอัตราการเสียชีวิตต่ำมากทั้งๆที่การระบาดเกิดขึ้นเฉียบพลันภายใน 2-3 เดือน ไต้หวันที่มีคุณสมบัติทางสังคมหลายๆอย่างคล้ายเรามีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 5.5% ทั้งที่การระบาดไม่มากเท่าเรา เราต้องรับรู้จริงๆว่า ถ้าบุคลากรสาธารณสุขไทย ไม่ทุ่มเทสุดตัวขนาดนี้ ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน รวมทั้งประชาชนทั่วไปไม่มากขนาดนี้ ไม่มีทางที่เราจะช่วยผู้คนเอาไว้ได้มากมายหลายหมื่นชีวิตแบบนี้แน่นอน 
ไม่มีข้อเฉลยใดที่จะสำคัญไปกว่าข้อที่ 4 นี้อีกแล้ว มันสำคัญมากที่เราต้องรู้ และต้องขอบคุณพวกเขาจริงๆครับ ซึ่งพวกเขายังไม่ได้พักกันเลยตลอด 4 เดือนแล้ว และคำขอบคุณที่ดีที่สุดคืออย่าเพิ่งรีบออกจากบ้านไปเสี่ยงรับเชื้อเพราะอดใจไม่ไหวแล้ว ขอให้อดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า อีกไม่นานเกินรอ

สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย
สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (Covid-19) ในประเทศไทย วันที่ 6 กันยายน 64 นั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามรายงานจากศูนย์ข้อมูลโควิด-19 กรมควบคุมโรค กระทารวงสาธารณสุข พบว่า 
มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 13,988 ราย
ติดเชื้อในระบบ 11,561 ราย
ติดจากตรวจเชิงรุก 1966 ราย
ติดในสถานกักตัว 17 ราย
ติดในเรือนจำ 444 ราย
สะสมระลอกที่สาม 1,265,659 ราย
สะสมทั้งหมด 1,294,522 ราย
หายกลับบ้าน 17,284 ราย
สะสม 1,133,077 ราย
รักษาตัวอยู่ 148,622 ราย
โรงพยาบาลหลัก 44,954 ราย
โรงพยาบาลสนาม 70,462 ราย
แยกกักที่บ้าน 30,156 ราย
อาการหนัก 4601 ราย
ใช้เครื่องช่วยหายใจ 1013 ราย
เสียชีวิต 187 ราย
สะสมละลอกที่สาม 12,948 ราย
สะสมทั้งหมด 13,042 ราย
ติดเชื้อเข้าข่าย 2404 ราย
สะสม 93,965 ราย