"เด็ก" คือช่องโหว่ของการเเพร่ระบาดโควิด-19

13 ก.ย. 2564 | 01:27 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.ย. 2564 | 08:44 น.

ประธานชมรมเเพทย์ชนบท เผย เด็กคือช่องโหว่ของการเเพร่ระบาดโควิด-19 ชี้ควรเร่งฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เพราะเป็นวัคซีนตัวเดียวที่ได้รับการรับรองให้ใช้กับเด็ก 12-18 ปี

นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว หยิบยกประเด็นเด็กคือช่องโหว่ของการควบคุมโรคโควิด โดยนำประสบการณ์ของโรงพยาบาลจะนะในช่วงสองเดือนหลังซึ่งมีการระบาดต่อเนื่อง โดยระบุว่า พบว่ามีเด็กติดเชื้อโควิดจำนวนมากขึ้น

จากสถิติของผู้ติดเชื้อโควิดในจะนะ พบว่า กลุ่มเด็ก 10-19 ปีมีสัดส่วนการติดเชื้อสูงสุด คือ 17.4% ของทั้งหมด ในขณะที่กลุ่มเด็ก 0-9 ปี มีสัดส่วนกาติดเชื้อ 15.1 % รวมแล้วในกลุ่มเด็ก 0-19ปี มีอัตราการติดเชื้อในสัดส่วนสูงถึง 32.5% หรือราว 1 ใน 3 ของทั้งหมด 

ทั้งนี้เพราะเด็กเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่ได้รับวัคซีน (ยกเว้นเด็กที่มีโรตประจำตัวที่มีเพียงส่วนน้อย)

แต่ก็เป็นไปตามทฤษฎีคือ เด็กที่ติดเชื้อเกือบทั้งหมดเป็นผู้ป่วยสีเขียว ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย ที่โรงพยาบาลสนามศาสนบำรุงซึ่งรับผู้ป่วยหญิงและเด็ก จึงมีเด็กวิ่งเล่นอย่างมีชีวิตชีวาในช่วงรักษากักตัวให้ครบ14 วัน

และจากการสอบสวนโรค พบว่า ในหลายบ้านที่ผู้ใหญ่ป้องกันตัวเองอย่างดี เด็กคือกลุ่มที่นำโรคเข้าสู่ครัวเรือน เพราะเด็กเล็กออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ เด็กโตก็ออกไปสมาคมกับเพื่อนฝูง ยากที่จะห้ามได้ ผลก็คือนำเชื้อโควิดเข้ามาในบ้าน และติดกันทั้งครอบครัวในที่สุด

วัคซีนไฟเซอร์ เป็นวัคซีนตัวเดียวที่ได้รับการรับรองให้ใช้กับเด็ก 12-18 ปีได้ สิทธิของเยาวชนในการรับวัคซีนคือสิทธิพื้นฐานที่เขาควรได้รับ ไม่ใช่แค่เพื่อการสร้างภูมิในตัวเขาเท่านั้น แต่เพื่อลดการติดเชื้อและลดการแพร่เชื้อเข้าสู่ครัวเรือนด้วย  และถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยจะได้คืนชีวิตวัยซน คืนการเรียนรู้และคืนห้องเรียนให้กับเยาวชนเหล่านั้นด้วย

การจะหยุดการแพร่ระบาดของโรคโควิด จึงหนีไม่พ้นการต้องให้เด็กได้รับวัคซีนด้วย

เพราะนี่คือช่องโหว่รูใหญ่ของการควบคุมโรค มิเช่นนั้นคงต้องยอมให้เด็กติดโรคตามธรรมชาติให้หมด เกิดภูมิธรรมชาติแทนวัคซีน เราจะเลือกอย่างหลังหรือ

“เรามีเพียง 2 ทางเลือก เร่งให้ไฟเซอร์กับเยาวชน 12-18 ปี หรือจะทิ้งให้เขาทยอยติดเชื้อและแพร่เชื้อเข้าสู่ครัวเรือน”

\"เด็ก\" คือช่องโหว่ของการเเพร่ระบาดโควิด-19 ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบข้อมูลกรมอนามัย พบว่า มีเด็กอายุ 12-18 ปีในไทย กว่า 5 ล้านคน เฉพาะ 1 เมษายน -14 สิงหาคม ติดเชื้อแล้วกว่า 40,000 คน เสียชีวิต 8 คน ทุกคนมีโรคประจำตัว 

ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธาน การประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์  ได้อนุมัติในหลักการให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่นักเรียน นักศึกษา ที่มีอายุ 12-18 ปี ทุกคน ทุกสังกัด กว่า 4.5 ล้านคน ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนพระปริยัติธรรม โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน กรุงเทพมหานคร ในช่วงเดือนตุลาคม 2564 โดยฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่นักเรียน นักศึกษา ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จำนวน 29 จังหวัดก่อน

แต่ยังมีความเห็นต่างทางวิชาการโดยความเห็นของ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย มองว่าการฉีดวัคซีนในเด็ก 12 ปี ควรรอให้มีวัคซีนมากกว่านี้

ขณะที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จะนำร่องฉีดซิโนฟาร์ม ซึ่งเป็นวัคซีนเชื้อตาย ให้เด็กอายุ 10-18 ปี  จำนวน 50,000 คน วันที่ 20 กันยายนนี้ ใน “โครงการ VACC 2 School” ขณะที่ กทม. ก็เตรียมฉีดไฟเซอร์ให้นักเรียนกลุ่มเสี่ยง อายุ 12-18 ปี เริ่มตั้งแต่ 21 กันยายนนี้