วัคซีนไฟเซอร์นักเรียน ม.ปลาย ฉีดแล้ว 87% กทม. เตรียมเปิดเรียน On-site

18 ต.ค. 2564 | 01:41 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ต.ค. 2564 | 08:54 น.

วัคซีนไฟเซอร์นักเรียน ม.ปลาย สังกัด กทม.ฉีดแล้ว 87% กทม. เตรียมเปิดเรียน On-site ภาคเรียน 2/2564 ภายใต้มาตรการป้องกันโควิดในสถานศึกษาและมาตรการ Universal Prevention

ความคืบหน้าการฉีด "วัคซีนไฟเซอร์ให้นักเรียน" ที่มีอายุ 12 - 18 ปี ในโรงเรียนสังกัด กทม. และสังกัดอื่นๆ ในพื้นที่กทม. ล่าสุดพบว่ามีนักเรียนประสงค์รับวัคซีนจำนวน 33,048 คน จาก 37,466 คน คิดเป็นร้อยละ 88 จำแนกเป็น มัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 3,796 คน ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว

เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 64 จำนวน 3,284 คน คิดเป็นร้อยละ 87 สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 29,252 คน มีแผนจะฉีดวัคซีนในวันที่ 18 – 20 ต.ค. 64 นี้ เพื่อรองรับการเปิดภาคเรียน

สำหรับบุคลากรทางการศึกษาที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จะดำเนินการให้ได้รับวัคซีนครบถ้วน โดยใช้สูตรวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 1 และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 2 ระยะห่าง 3 สัปดาห์

นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงว่ามีการเตรียมความพร้อมการเปิดการเรียนการสอนแบบ On-site ในโรงเรียนสังกัด กทม. ระดับมัธยมศึกษาและประถมศึกษา ภาคเรียนที่ 2/2564 ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 ในสถานศึกษาและมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล Universal Prevention  ดังนี้

1. สร้างความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโรงเรียน ในการจัดพื้นที่การเรียนการสอนแบบ On-Site (ไป-กลับ) และวิธีจัดการเรียนการสอน เช่น สลับชั้นเรียน สลับเวลาเรียน

2. เตรียมความพร้อมของอาคารสถานที่ วัสดุอุปกรณ์การเรียนการสอน สภาพแวดล้อมบริเวณโรงเรียน ให้มีความสะอาดและปลอดภัย

3. นักเรียน ข้าราชการครู บุคลากรทางการศึกษา บุคลากรของโรงเรียน ผู้ปกครอง และผู้มาติดต่อราชการ ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา

4. จัดเตรียมสถานที่ของโรงเรียนให้มีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล หรือเว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะเรียนและที่นั่งอย่างน้อย 1 – 2 เมตร มีจำนวนนักเรียนห้องละไม่เกิน 25 คน

5. จัดตั้งจุดคัดกรองบริเวณทางเข้าของสถานศึกษา ลงทะเบียนก่อน เข้า – ออก มีการบันทึกข้อมูลรายงาน

6. ต้องจัดพื้นที่พักคอยสำหรับผู้ปกครองบริเวณหน้าโรงเรียน

7. มีระบบและแผนรับการประเมินความพร้อม โดยทีมตรวจราชการบูรณาการจากสำนักการศึกษา สำนักงานเขต ศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย

8. ครู บุคลากร และนักเรียน ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์

9.นักเรียน ครู และบุคลากรต้องตรวจ ATK วันแรกของการเปิดเรียน และมีการสุ่มตรวจเฝ้าระวัง

10. นักเรียน ครู บุคลากร ที่อยู่ในพื้นที่ Safety Zone ต้องประเมิน Thai Save Thai (TST) อย่างต่อเนื่องทุกวัน

11. ดำเนินการสุ่มตรวจ ATK นักเรียน ครู บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา เพื่อเฝ้าระวังอย่างน้อยร้อยละ 10-20 จำนวน 2 ครั้ง/สัปดาห์

12. กรณีโรงเรียนพบนักเรียนที่สงสัยติดเชื้อโควิด-19 ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (Patient Under Investigation : PUI) ให้แยกเด็กออกมาจากผู้อื่น แจ้งผู้ปกครอง และโทรแจ้งสายด่วนสุขภาพ 1646 ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ หรือโทรแจ้งศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์ตามเกณฑ์สอบสวนโรค

13. ปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเข้มข้น

14. นักเรียน ครู บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียน เขียนบันทึก กิจกรรมประจำวัน การเดินทางเข้าสถานที่ต่าง ๆ แต่ละวันสม่ำเสมอ

15. สถานประกอบกิจการ/กิจกรรม รอบรั้วสถานศึกษาในระยะ 10 เมตร ต้องผ่านการประเมิน TSC+ COVID free setting