นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมการเปิดประเทศตามนโยบายของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท การทางพิเศษแห่งประเทศไทย กรมการขนส่งทางบก บริษัท ขนส่ง จำกัด กรมการขนส่งทางราง การรถไฟแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย กรมเจ้าท่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กรมท่าอากาศยาน บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานเตรียมความพร้อมด้านคมนาคมเพื่อการรองรับการเปิดประเทศในทุกมิติ ทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศ โดยคุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดประเทศทั้ง 3 ระยะ โดยระยะที่ 1 เริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 สำหรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบ ให้เข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งในเบื้องต้นรัฐบาลได้ประกาศให้มีประเทศที่เข้าร่วมมาตรการระยะที่ 1 ได้ เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และอเมริกา ส่วนระยะที่ 2 จะเริ่มวันที่ 1 ธันวาคม 2564 และระยะที่ 3 เริ่มวันที่ 1 มกราคม 2565 ซึ่งจะประกาศรายชื่อประเทศที่ไม่ต้องกักตัวเพิ่มเติมขึ้นอีกในแต่ละระยะต่อไป พร้อมมอบนโยบายให้หน่วยงานไปดำเนินการ โดยในทั้งมิติทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ
โดยจะมีการเตรียมความพร้อมมาตรการสาธารณสุข ทั้งในการคัดกรอง ป้องกัน ควบคุม กำกับดูแล บุคลากร และนักท่องเที่ยวตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานด้านสาธารณสุข รวมทั้งการดำเนินการมาตรการด้านความปลอดภัย ตลอดจนการอำนวยความสะดวกและการให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวในการเดินทางและการให้ข้อมูลตลอดจนการประขาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้ รวมทั้งการตรวจติดตาม โดยใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการติดตามและอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 4 มิติ รับนโยบายฯ และมีแนวทางการดำเนินการสรุปได้ ดังนี้
มิติการเดินทางทางบก ลดการสัมผัสในการผ่านด่านค่าผ่านทางต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่มีการสวมหน้ากากอนามัย สวมถุงมือขณะปฎิบัติงาน ให้มีการตรวจ Antigen test kit (ATK) เป็นประจำ สนับสนุนใช้บัตร M-Pass และ F-Flow เร่งฟื้นฟูทางหลวงที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานขับรถโดยสารและบุคลากรด้านการขนส่ง ตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีการติดตั้งเจลแอลกอฮอล์บนรถทุกคัน ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการใช้รถสาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมายและซักซ้อมการดำเนินงาน รวมทั้งรองรับการเดินทางทางถนนของประชาชนจากประเทศที่ 3 (รถส่วนบุคคลเพื่อการท่องเที่ยว) ตามข้อกำหนดด้านสาธารณสุข และกำหนดมาตรการรองรับการเดินทางของประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดต่อกับไทย
รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งทางถนนระหว่างประเทศ โดยให้มีการติดตั้งเครื่อง Thermo Scan บนรถโดยสารสาธารณะทุกคัน และมีมาตรการข้อปฏิบัติในการเดินทางของผู้โดยสาร คือ ตรวจวัดอุณหภูมิก่อนการเดินทาง สวนหน้ากากอนามัยตลอดเวลาระหว่างการเดินทาง งดรับประทานอาหารบนรถโดยสาร กรอกข้อมูลตามเอกสารที่กำหนด และปฏิบัติตามข้อกำหนดของแต่ละจังหวัด
มิติการเดินทางทางราง กรณีเป็นผู้โดยสารต่างชาติ ให้มีการตรวจเอกสารยืนยันการรับวัคซีน 2 กรณี คือ กรณีได้รับวัคซีนแล้ว หรือ มีผลตรวจ ATK/RT-PCR ไม่พบเชื้อภายใน 72 ชม.ต้องตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าใช้บริการ หากมีอุณหภูมิสูงกว่า 37.5°C ให้งดการใช้บริการ และจัดให้มีการตรวจคัดกรองผู้โดยสาร มีการ Scan อุณหภูมิก่อนเข้าใช้บริการทุกคน และก่อนจำหน่ายตั๋วโดยสารให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วจะต้องตรวจสอบสอบเอกสารก่อน คือ หลักฐานการได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด–19 ครบ 2 เข็ม หรือครบโดสตามจำนวนวัคซีนแต่ละชนิด หรือหลักฐานจากโรงพยาบาลแสดงว่าเป็นผู้ที่หายจากอาการป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด–19 มาแล้ว ณ วันเดินทาง โดยจะต้องไม่เกิน 90 วัน
กรณีตรวจพบว่าไม่ได้รับวัคซีนและไม่มีผลตรวจ ATK/RT-PCR หรือมีอาการเสี่ยงในการติดเชื้อ สงวนสิทธิ์การให้บริการในระบบขนส่งทางราง และติดต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องที่เพื่อดำเนินการตามมาตรการของกรมควบคุมโรคต่อไป และมีมาตรการเพิ่มเติมรองรับการเปิดประเทศ คือ จัดบริการจำหน่ายชุดตรวจ ATK ภายในสถานีรถไฟต้นทางหรือใกล้ด่านชายแดนระหว่างประเทศ กรณีรถไฟระหว่างเมืองที่เป็นระบบปรับอากาศ ให้เปิดช่องหน้าต่างหรือประตูระบายอากาศเมื่อถึงสถานีปลายทาง ควบคู่การทำความสะอาด และให้เจ้าหน้าที่บริการด่านหน้าตรวจ ATK ทุก 7 วัน และเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจคัดกรองเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ใช้บริการรถไฟ ทุกสถานี ทุกคนจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาในขณะปฏิบัติหน้าที่ และใช้บริการเดินทางโดยรถไฟ และจะต้องเข้ารับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย โดยจะต้องมีอุณหภูมิร่างกายไม่เกิน 37.5 อาศาเซลเซียส
มิติการเดินทางทางน้ำ จัดตั้งจุดคัดกรองทางน้ำในแต่ละพื้นที่ตรวจคัดกรอง ให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบและเพิ่มเติมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ในปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งกำหนดให้มีการกำกับติดตามการดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 อย่างต่อเนื่อง ให้มีการติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอัตโนมัติมาตรวจวัดอุณหภูมิของผู้โดยสารก่อนการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะทุกท่าเรือ และให้มีเจ้าหน้าที่มากำกับดูแลที่จุดตรวจวัดอุณหภูมิด้วย รวมทั้งตรวจสอบการฉีดวัคซีนของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน กรณีเจ้าหน้าที่ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนขอให้ประสานเพื่อฉีดวัคซีนกับจังหวัดหรือศูนย์ฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อ หากไม่สามรถฉีดวัคซีนได้ก่อนการเปิดประเทศขอให้เจ้าหน้าที่ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนย้ายไปปฏิบัติงานในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ
มิติการเดินทางทางอากาศ เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานและผู้ปฏิบัติงานท่าอากาศยานให้ครบทุกคน รวมทั้งเตรียมการรับนักท่องเที่ยวตามนโยบายการเปิดประเทศโดยดำเนินการตามมาตรฐานของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพิ่มขีดความสามารถของด่านคัดกรองและเฝ้าระวังโรคติดต่อระหว่างประเทศ เตรียมการคัดกรองผู้โดยสารขาเข้าและขาออกระหว่างประเทศ ให้มีความสะดวก รวดเร็ว หรือไม่ให้เกิดความแออัดในช่วงที่มีผู้โดยสารมาก รวมถึงที่พักนั่งคอยต้องปฎิบัติตามมาตรการ SOCIAL DISTANCING รวมทั้ง โดยให้ตรวจสอบเรื่องปัญหาคอขวดของการทำ visa on arrival ขอให้มีการจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ให้ครอบคลุมกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเข้ามา เพื่อให้เกิดความสะดวกในการสื่อสาร และขอให้มีมาตราการป้องกันสำหรับพนักงานขับรถและผู้โดยสาร เช่น การทำฉากกั้น ขอให้มีการทำเครื่องหมายสำหรับการเว้นระยะห่างให้ชัดเจน เข่น บริเวณที่นั่งหรือการเข้าแถว
ทั้งนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กำชับให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิ และตรวจวัด ATK ให้กับเจ้าหน้าที่และบุคลากรผู้ให้บริการอย่างเป็นประจำ ตรวจสอบสถานะการฉีดวัคซีนและเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่และบุคลากร ตรวจสอบเอกสารยืนยันการรับวัคซีนของผู้เข้าใช้ระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท โดยยกระดับความเข้มข้นในการคัดกรอง Entry Scan ให้มีการติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอัตโนมัติมาตรวจวัดอุณหภูมิของผู้โดยสารก่อนการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ จัดเจ้าหน้าที่ประจำบริเวณจุดตรวจคัดกรองอุณหภูมิผู้โดยสาร
โดยให้เจ้าหน้าที่ทุกคนจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาในขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยยังคงดำเนินการตามมาตรการ SOCIAL DISTANCING และให้มีป้ายแนะนำเส้นทางที่เป็นสากลเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงให้มีการถอดบทเรียนจากมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปี พ.ศ.2563 เพื่อมาปรับใช้กับมาตรการการเปิดประเทศในปี พ.ศ. 2564 ก่อนกระทรวงคมนาคมนำเสนอ ศบค. เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป